กระดาษทิสชู “KUMA” กางแผนธุรกิจปี 2567 รุกขยายตลาดจับกลุ่มพรีเมี่ยม ลุยชิงมาร์เก็ตแชร์ 4 พันล้าน นำสินค้าขยายช่องทางสู่ โมเดิร์นเทรด-กลุ่ม CLMV ตั้งเป้าปี 2566 ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษเช็ดทำความสะอาดสูงถึง 110 ล้านชิ้น ปิดรายได้รวม 1,560 ล้านบาท
วันที่ 4 สิงหาคม 2566 นายคมกริช ขจรวีรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คุมะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษเช็ดทำความสะอาด ภายใต้แบรนด์คุมะ (KUMA) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์กระดาษเช็ดทำความสะอาดมีการเติบโตต่อเนื่อง มูลค่ารวมมากกว่า 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันตลาดกระดาษทิสชูมีการแข่งขันกันค่อนข้างดุเดือด
- เช็กที่นี่ เบี้ยผู้สูงอายุ พฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน
- เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนพฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน เช็กที่นี่
- เปิดอันดับ “ประเทศที่อากาศมีมลพิษที่สุดในโลก” ไทยไม่ติดท็อป 10 !
โดยเรื่องราคาเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากการนำเข้าสินค้าทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ทำให้มีสินค้ากระดาษทิสชู หลากหลายแบรนด์เข้ามาทำตลาดในราคาที่ถูก
ทั้งนี้ คุมะ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพเป็นอันดับแรก ตลอดจนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมดูแลสังคมด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในการผลิตเป็นระบบทำงานอัตโนมัติทั้งระบบ ปรับกระบวนการผลิตตามแบบมาตรฐานสากล ในทุกสายการผลิตทุกผลิตภัณฑ์ให้กำลังการผลิตสูงขึ้นมากกว่า 1,700 ตันต่อเดือน หรือกว่า 9 ล้านชิ้นต่อเดือน
รวมถึงกระบวนการผลิตเนื้อเยื่อกระดาษที่ได้ร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีคุณภาพ ทำให้มั่นใจได้ทั้งด้านคุณภาพสินค้าที่มีมาตรฐาน คุ้มค่า นอกจากนี้ สินค้ายังตอบโจทย์ความต้องการ ด้วยมีทั้งผลิตภัณฑ์ทิสชูแห้ง ทิสชูเปียก ทิสชูเปียกสำหรับสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ด้านสุขอนามัย เป็นต้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดและมียอดขายดี คือ ทิสชูคุมะ 168 แผ่น รองลงมาเป็นทิสชูเปียกฝาปิด 40 แผ่น และทิสชูคุมะ 230 แผ่นตามลำดับ ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าในครัวเรือน
อีกทั้งช่องทางจำหน่ายออนไลน์ที่เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ผ่าน Line My Shop @kumathailand, Shopee, Lazada, TikTok และยังเพิ่มช่องทางขายออฟไลน์ ผ่านร้านขายส่ง ร้านค้าปลีก ห้างหรือซูเปอร์สโตร์ท้องถิ่น ตลาดนัดชุมชนด้วย
นายคมกริชกล่าวต่อว่า สำหรับแผนดำเนินธุรกิจรองรับภายใน 3-5 ปี บริษัทคาดว่ายังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 2567 นี้ บริษัทมีแผนขยายตลาดกลุ่มพรีเมี่ยม นำสินค้าเข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศไทย เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคนเมือง ขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น และเพิ่มช่องทางการส่งออกในกลุ่มประเทศ CLMV หรือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งสอดคล้องกับศักยภาพการผลิตที่มีการเตรียมรองรับการเติบโตมาแล้วตั้งแต่ปี 2565
ขณะเดียวกันภายในปี 2567 นี้จะได้พบกับผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายรายการ ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Joint Embosser ที่ทำให้ได้เนื้อกระดาษที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางคุมะ แต่ยังคงความหนานุ่มเหมือนเดิม จะช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายได้สูงขึ้นแน่นอน
ด้านนางสาววรพรรณ ขจรวีรพันธ์ ผู้จัดการบริษัท คุมะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนสร้างตึกสำนักงานแห่งใหม่มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท สำหรับขยายงานบริหารจัดการ รองรับบุคลากรที่มากขึ้นในอนาคต รวมถึงได้นำระบบคลังสินค้า WMS (Warehouse Management System) มาใช้ดำเนินงานซึ่งมีความแม่นยำ สามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน และเสริมประสิทธิภาพของงานมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ยังคงนำเสนอสินค้าใหม่ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เป็นกระดาษเช็ดทำความสะอาดกลิ่นหอมสดชื่น ขนาดพกพา และได้เชิญดาราสาวสุดฮอต “เบลล่า ราณี แคมเปน” เป็นพรีเซ็นเตอร์ทำงานโฆษณาและประชาสัมพันธ์ร่วมกันระยะเวลา 2 ปี ด้วยบุคลิกความน่ารัก สดใส ความเป็นกันเอง จะส่งต่อให้สินค้าได้รับความนิยม
อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์กระดาษเช็ดทำความสะอาด จาก product hero top 3 จำนวนรวมกันสูงถึง 110 ล้านชิ้น สร้างรายได้รวม 1,560 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30% จากรายได้รวมปี 2565 ที่ยอดอยู่ที่ 1,240 ล้านบาท
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์กระดาษเช็ดทำความสะอาด หรือทิสชู แบรนด์คุมะ มีฐานการผลิตใน 3 ประเทศหลัก จีน อินโดนีเซีย และไทย โดยโรงงานผลิตที่ประเทศจีน จะผลิตทิสชูเปียก 40 แผ่น, ทิสชูเปียก 20 แผ่น, ทิสชูเช็ดหน้า 168 แผ่น, ทิสชูเช็ดหน้า 230 แผ่น, ทิสชูพรีเมี่ยม ซอฟต์ 150 แผ่น, ทิสชูป๊อปอัพ ซูเปอร์คุ้ม 210 แผ่น, ทิสชูลาลาแบร์ 336 แผ่น, ทิสชูลาลาแบร์ 170 แผ่น, ทิสชูเปียกลาลาแบร์ 65 แผ่น, ทิสชูเปียกสัตว์เลี้ยง
ส่วนโรงงานที่ประเทศอินโดนีเซีย ผลิตกระดาษทิสชูอเนกประสงค์ Multi-Purpose towel 68 แผ่น และประเทศไทย ผลิตทิสชูม้วน Mega Roll ทิสชูม้วน lalabear โดยบริษัท คุมะ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2559 มีโรงงานผลิตบนพื้นที่ 13 ไร่ ในจังหวัดปทุมธานี
