“พอร์โต้” เดินหน้าขยายสาขา ปักหมุด4ภาค/จ่อตั้งกองทรัสต์ระดมทุน

ดี-แลนด์ ปรับแผนลุยค้าปลีกรอบใหม่ เขย่าโมเดล “พอร์โต้ โก” ปั้นจุดพักรถตอบครบทุกอินไซต์ผู้บริโภค ยึดทำเลพระราม 2 ปักหมุดสาขาใหม่ท่าจีน พร้อมควงพาร์ตเนอร์ “ชาตรามือ-วราภรณ์ ซาลาเปา” เปิดไดรฟ์ทรูครั้งแรก พร้อมศึกษานำโครงการเข้ากองทรัสต์ระดมทุน ก่อนเล็งหาทำเลไฮเวย์ตะวันออก-ตก ขยายครบ 5 สาขา หวังดันรายได้กลุ่มค้าปลีกโต 60%

นายสุเทพ ปัญญาสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้บริหารโครงการไลฟ์สไตล์มอลล์ พอร์โต้ ชิโน่ และพอร์โต้ โก กล่าวว่า หลังจากได้พัฒนาโครงการพอร์โต้ ชิโน่ ที่สมุทรสาครเมื่อปี 2555 และจุดพักรถภายใต้แบรนด์ “พอร์โต้ โก” เมื่อปี 2561 และเปิดสาขาแรกที่ถนนสายเอเชีย กิโลเมตรที่ 4 บางปะอิน และจะมีแผนเปิดตามโลเกชั่นต่าง ๆ บนถนนทางหลวง ที่เชื่อมต่อการเดินทางไปยังภาคต่าง ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันตกและภาคตะวันออกที่ยังไม่มีสาขา จากเดิมที่บริษัทวางแผนจะเปิด 20 สาขา ภายในปี 2564 แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเปิดได้ประมาณ 5 สาขา เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการหาเลย์เอาต์ที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีไลฟ์สไตล์และความต้องการที่เปลี่ยนไป เช่น เน้นสะดวกสบาย ตั้งแต่การเข้ามายังโครงการ การจอดรถ การรับประทานอาหาร ห้องน้ำ ฯลฯ

ล่าสุด เตรียมจะเปิดสาขาใหม่ “พอร์โต้ โก ท่าจีน” ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ บนพื้นที่ 23 ไร่ บริเวณตำบลบางโทรัด สมุทรสาคร ด้วยงบฯลงทุน 400 ล้านบาท โดยมีการจัดวางเลย์เอาต์และเติมแม็กเนตใหม่ ๆ ซึ่งศึกษาจากอินไซต์ของผู้บริโภค ทั้งจากสาขาบางปะอิน และโมเดลจุดพักรถในต่างประเทศ ทำให้สาขานี้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เช่น สถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ร้านอาหารกว่า 30 ร้าน บริการชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ ที่จอดรถกว่า 200 คัน เพื่อเจาะกลุ่มคนที่เดินทางที่ขับรถลงภาคใต้

นอกจากนี้ยังเข้าไปจับมือกับพาร์ตเนอร์ เช่น ชาตรามือ วราภรณ์ ซาลาเปา เตรียมจะเปิดให้บริการไดรฟ์ทรูสาขาแรกด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ ทั้งโครงการพอร์โต้ ชิโน่ เคยจับมือกับสตาร์บัคส์ เปิดสาขาไดรฟ์ทรูเป็นแห่งแรกแล้ว รวมถึงพอร์โต้ โก ที่จับมือกับแบรนด์ดังกิ้น โดนัท ทำโมเดลไดรฟ์ทรูเป็นสาขาแรกด้วยเช่นกัน

“จำนวนซัพพลายของจุดพักรถในพื้นที่รอบ ๆ กรุงเทพฯ เพื่อรองรับการเดินทางไปต่างจังหวัดนั้น ยังมีไม่มากนัก ในขณะที่ดีมานด์ของการใช้ รวมถึงจำนวนรถบนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และจากการศึกษาอินไซต์ของผู้บริโภคพบว่า ในถนนสายหลักมีรถวิ่งเฉลี่ย 14.8 ล้านคันต่อปี หรือ 4 หมื่นคันต่อวัน เกือบทั้งหมดแวะจุดพักรถ เพื่อเข้าห้องน้ำและกิจกรรมอื่น ๆ มีเพียง 30% เท่านั้นที่แวะเติมน้ำมัน จึงเชื่อว่าพอร์โต้ โก จะเข้าไปสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักเดินทางและลูกค้าทั่วไปได้”

สำหรับรายได้จากกลุ่มค้าปลีกในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท หากสามารถขยายสาขาได้ครบทั้ง 5 สาขาตามเป้า คาดว่าจะสร้างการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 60% ขณะที่รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 1,100-1,200 ล้านบาท ส่วนเม็ดเงินที่นำมาลงทุนในสาขาต่อ ๆ ไป กำลังอยู่ระหว่างการศึกษานำโครงการของพอร์โต้ โก เข้ากองทรัสต์ เช่นเดียวกับที่เคยระดมทุนผ่านวิธีนี้ ในโครงการพอร์โต้ ชิโน่ เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา