สปสช.เห็นชอบจ่ายหน่วยบริการกระจาย ATK ให้ประชาชน 10 บาท/ครั้ง

ภาพจาก แฟ้มภาพ

บอร์ด สปสช.มีมติจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมให้หน่วยบริการ 10 บาท/ครั้ง หวังจูงใจช่วยกระจาย ATK ให้ประชาชนตรวจ หากผลบวกดึงเข้า Home Isolation พร้อมเห็นชอบเพิ่มค่าดูแลผู้ป่วยไตติดเชื้อโควิด

วันที่ 23 สิงหาคม 2564 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบอร์ด สปสช. ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 20 ส.ค. มีมติเห็นชอบปรับการจ่ายชดเชยบริการสำหรับผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับการกระจายชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit (ATK) ให้กับหน่วยบริการเพื่อกระจายหรือแจกไปยังประชาชนให้ตรวจโควิดด้วยตนเอง


หลังจากก่อนหน้านี้บอร์ด สปสช.ได้มีมติเพิ่มชุดตรวจโควิด ATK วงเงินเบื้องต้น 1,014 ล้านบาท ในแผนการจัดหาภายใต้โครงการยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ปี 2564 และจ่ายให้แก่เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ (เครือข่ายโรงพยาบาลราชวิถี) ดำเนินการจัดหาเพื่อสนับสนุนชุดตรวจให้แก่หน่วยบริการในเครือข่ายและประชาชนนั้น

อย่างไรก็ตาม วงเงินดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะค่าอุปกรณ์ชุดตรวจ ดังนั้นเพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับหน่วยบริการหรือสถานพยาบาล บอร์ด สปสช.จึงมีมติจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับกระจายชุดตรวจ ATK ไปยังประชาชน ในอัตรา 10 บาทต่อครั้งบริการ ภายใต้วงเงินประมาณ 85 ล้านบาทจากงบฯค่าบริการโควิด-19 ซึ่งจะเริ่มจ่ายภายหลังที่มีการกระจายชุดตรวจไปยังประชาชนแล้ว

ทั้งนี้ อัตราค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะครอบคลุมกิจกรรมบริการ ได้แก่ 

1.การขอ Authentication code หรือการยืนยันตัวตนของประชาชนก่อนรับแจกชุดตรวจโควิด ATK ตามแนวทางที่ สปสช.กำหนด 

2.ให้คำแนะนำในการใช้ชุดตรวจ 

3.ติดตามผลตรวจ ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด 

4.กรณีผู้ติดเชื้อ จัดระบบให้เข้าสู่การดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation : HI) หรือที่ชุมชน (Community Isolation : CI)

โดยกรอบวงเงินนี้เป็นการสนับสนุนกรณีที่จะกระจาย ATK ให้ประชาชนเป็นผู้ตรวจโควิดด้วยตนเอง 

ส่วนวิธีการกระจายอยู่ระหว่างการจัดทำ เบื้องต้นคือกระจายผ่านหน่วยบริการ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล รพ.สต. ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ร้านยา หรือแม้แต่การส่งทางไปรษณีย์หรือให้ Rider ขับไปส่ง 

โดยเน้นในพื้นที่สีแดงที่มีการระบาดสูงก่อน หากตรวจแล้วผลเป็นบวกประชาชนจะต้องติดต่อกลับมาให้หน่วยบริการดังกล่าวพาเข้าระบบ Home Isolation 

ดังนั้น สปสช.จึงมีงบประมาณสนับสนุนให้เนื่องจากหน่วยบริการจะมีภาระงานเพิ่ม

สำหรับผู้ป่วยโรคไต จากข้อมูลของสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย พบว่า ที่ผ่านมาผู้ป่วยโรคไตที่ติดเชื้อโควิด-19 และต้องรับบริการล้างไตด้วยการฟอกเลือดนั้น มีปัญหาไม่สามารถเข้ารับบริการฟอกเลือดได้ จึงมีข้อเสนอต่อ สปสช. เพื่อขอจ่ายชดเชยเพิ่มเติม ได้แก่ 1.ชุดตัวกรองเลือดแบบใช้ครั้งเดียว 2.อุปกรณ์ป้องกัน (PPE) สำหรับบุคลากร และ 3.ค่าบุคลากรการดูแลผู้ป่วย

ทั้งนี้ บอร์ด สปสช.จึงได้พิจารณาและเห็นชอบหลักการให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องรับบริการฟอกเลือดทุกราย เข้ารับบริการแบบผู้ป่วยใน (IPD) เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิต โดยจะเบิกจ่ายจากงบฯค่าบริการโควิด-19 ส่วนกรณีที่หน่วยบริการไม่สามารถให้บริการแบบผู้ป่วยในได้ สปสช.จะมีการปรับการจ่ายต่าง ๆ ได้แก่

1. แยกค่าใช้จ่ายสำหรับตัวกรอง รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ แบบใช้ครั้งเดียว (Single use) ออกจากรายการค่าใช้จ่ายปกติ โดยเสนอเพิ่มรายการในแผนและวงเงินการจัดหา ปี 2564 และต่อเนื่องไปปี 2565 เพื่อให้เครือข่ายหน่วยบริการโรงพยาบาลราชวิถี จัดหาและกระจายไปยังหน่วยบริการ

2. เพิ่มการจ่ายค่าชุดอุปกรณ์ป้องกัน (PPE) สำหรับบุคลากร

3. เพิ่มการจ่ายค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วย รวมค่าทำความสะอาด นอกจากนี้ยังจะมีการทบทวนระเบียบหรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียน เพื่อเพิ่มจำนวนหน่วยร่วมให้บริการล้างไตด้วยการฟอกเลือดให้มากขึ้น