TRA Poll ชี้ค้าปลีก-ค้าส่ง เห็นด้วยเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เผยผลสำรวจ TRA Poll ระบุกลุ่มผู้บริหารค้าปลีกเห็นด้วยเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ แนะรัฐเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ATK ราคาเข้าถึงง่าย เข้มมาตรการสาธารณสุข ควบคู่สปีดมาตรการเศรษฐกิจ คืนชีพ “ช้อปดีมีคืน” ปรับวงเงินเพิ่มเป็น 2 แสน กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ตลอดจนคลอดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วย SMEs เสริมสภาพคล่องต่อเนื่อง

วันที่ 18 ตุลาคม 2564 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยผลสำรวจ TRA Poll ของผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ จำนวน 283 ราย ในหัวข้อ “ภาคการค้าปลีกและบริการพร้อมเปิดประเทศ ภายใต้เงื่อนไขมิติเศรษฐกิจและสาธารณสุข” โดยระบุว่า

ผู้บริหารกว่า 62.1% เห็นด้วยกับการเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ โดยนโยบายดังกล่าวถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่รัฐบาลยังคงต้องเข้มมาตรการทางสาธาณสุข ควบคู่เตรียมพร้อมคุมการระบาดของโควิดอย่างจริงจัง

พร้อมทั้งเร่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศภายในปี 2564 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รวมทั้งต้องจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ และมีจำนวนที่เพียงพอจนถึงปี 2565 และการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงชุดตรวจ ATK ที่สะดวกและราคารับได้

ขณะที่การเตรียมพร้อมทางด้านเศรษฐกิจกล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ควรเพิ่มกำลังซื้อผู้บริโภคอย่างตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ ควบคู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อกระจายรายได้ พร้อมลดค่าครองชีพในทุกมิติ อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต และเอื้อผู้ประกอบการรายย่อยในการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

อีกด้านหนึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศให้ฟื้นตัวกลับมาเร็ว ภาครัฐบาลยังต้องส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและการลงทุน ปรับโครงสร้างเพื่อรองรับธุรกิจใหม่ ๆ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพประชากรผ่านการลงทุนด้านการศึกษา และลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม

นายญนน์กล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากการผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุขแล้ว สมาคมผู้ค้าปลีกไทยยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงโดยการนำโครงการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่มวงเงินเป็น 200,000 บาท เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว

สำหรับผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ให้จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และเป็นแต้มต่อให้ SMEs ไทยสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป


“คนไทยต้องปรับแนวคิดด้านการใช้ชีวิตร่วมกับโควิดให้ได้ และต่อจากนี้ไปต้องร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยเข้าสู่การฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อการเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน”