‘เมกาบางนา’ เพิ่มแม็กเนตใหม่ ปั้น ‘ท็อปกอล์ฟ-เมกาซิตี้’ ดึงลูกค้า

เมกาบางนา

“เมกาบางนา” กางแผนบิ๊กอีเวนต์ฟื้นค้าปลีกโค้งท้าย ชูกลยุทธ์ customer centric เสริมแกร่งออนไลน์-ออฟไลน์ เติมพอร์ตแม็กเนตใหม่ในศูนย์ ทั้งร้านอาหาร-แฟชั่น ล่าสุดเดินหน้าโครงการเมกาซิตี้ ดึงพันธมิตรยักษ์ใหญ่สนามไดรฟ์กอล์ฟพรีเมี่ยม “ท็อปกอล์ฟ” จากสหรัฐอเมริกา สร้างสปอร์ต แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ในรูปแบบใหม่บนพื้นที่ 29 ไร่ ผสานดิจิทัลเทคโนโลยีกับกีฬากอล์ฟ และเอ็นเตอร์เทนเมนต์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนเดินหน้าปั้น เมกาฟู้ดวอล์ก, เมกาพาร์ก สร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบครบวงจร

หลังจากศูนย์การค้าเมกาบางนา ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ด้วยพื้นที่ราว ๆ 4 แสน ตร.ม. และจำนวนร้านค้าที่หลากหลายมากกว่า 900 ร้านค้า ต้องโยกย้ายเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของ “เซ็นทรัลพัฒนา” หรือซีพีเอ็น ที่เข้ามาซื้อหุ้นทั้งหมดของเอสเอฟ ดีเวลลอปเมนท์ ล่าสุดเมกาบางนายังคงมีความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการ “เมกาซิตี้” มิกซ์ยูสโปรเจ็กต์ มูลค่ากว่า 6.7 หมื่นล้านบาท บนพื้นที่ทำเลทองกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกกว่า 400 ไร่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเมืองขนาดใหญ่สำหรับการใช้ชีวิตแบบครบวงจร

กางแผนปรับตัวสู้พิษโควิด

นางสาวพลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเมกาบางนาได้มีการปรับแผนและดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นกลยุทธ์แบบ agile strategy คิดไว ลงมือทำให้ไว เพื่อให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ควบคู่กับการสร้างกลยุทธ์แบบ customer centric

รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการมุ่งสร้าง deep synergy ระหว่างผู้เช่าและศูนย์ โดยต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิด เพื่อให้คงไว้ด้วยศักยภาพที่สามารถส่งมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบวิถีใหม่ (new normal) โดยคำนึงถึงเรื่องการช็อปอย่างปลอดภัย และสุขอนามัยของลูกค้า ตลอดจนการคำนึงถึง shopping journey เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจทุกครั้งเมื่อมาใช้บริการ

ที่ผ่านมาโควิด-19 จะทำให้ธุรกิจรีเทลและร้านอาหารต้องปรับตัว ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับ e-Commerce, social commerce ตลอดจน delivery service มากขึ้น และปัจจุบันลูกค้าคุ้นชินกับการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ของสด ของใช้ภายในบ้าน สินค้าแฟชั่น สินค้าเฟอร์นิเจอร์ ไอที หรือห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ก็มีการทำ omnichannel เพื่ออำนวยความสะดวกเพิ่มช่องทางการช็อปปิ้งให้ลูกค้า

นางสาวพลินีกล่าวต่อไปว่า แม้ออนไลน์จะเติบโตขึ้นมาก แต่อีกด้านหนึ่ง e-Commerce ไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการบริการ การเติมเต็มประสบการณ์ที่ให้ได้มากกว่าการช็อปปิ้ง ซึ่งศูนย์การค้าให้ได้มากกว่าและทำได้ดีกว่า

ดังนั้นแผนงานจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาทั้งส่วนแผนงานออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป โดยในส่วนของออนไลน์ได้มีการวางแผนการทำ digital marketing ที่เข้มข้นมากขึ้น ทั้งในส่วนของการเพิ่มช่องทางการสื่อสารในออนไลน์แพลตฟอร์มและเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นเมกาบางนา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า

ปั้น “ท็อปกอล์ฟ” แม็กเนตใหม่

ซีอีโอศูนย์การค้าเมกาบางนาย้ำด้วยว่า ส่วนออฟไลน์ก็ได้มีการเติมพอร์ตร้านอาหารที่เพิ่งมาเปิดให้บริการ อาทิ ทองสมิทธ์, Chicken Club, Ssamthing Together (ซัมติง ทูเก็ทเตอร์), โรงเตี๊ยมเสือพ่นไฟ รวมถึงร้านแฟชั่นอย่าง Everythinghound by Greyhound เป็นต้น และภายในปีนี้ก็ยังมีร้านค้าใหม่ ๆ กำลังเปิดบริการเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง

สำหรับแผนงานในปี 2565 บริษัทยังคงเดินหน้าโครงการเมกาซิตี้อย่างต่อเนื่อง หนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งเมกาซิตี้ คือ ท็อปกอล์ฟ (Topgolf) สนามไดรฟ์กอล์ฟพรีเมี่ยมที่มีคอนเซ็ปต์สุดล้ำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในรูปแบบเป็นศูนย์รวมความบันเทิงสูง 3 ชั้น พื้นที่มากกว่า 47,000 ตารางเมตร หรือ 29 ไร่ หรือมีความใหญ่เกือบเท่ากับสนามฟุตบอล 7 สนามรวมกัน

รวมถึง ฮิตติ้งเบย์ กลางแจ้ง 98 ช่อง ที่เป็นการผสานเอากีฬากอล์ฟ และเอ็นเตอร์เทนเมนต์รวมเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อความบันเทิงครบวงจรในที่เดียว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปี 2565 และที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“Topgolf โด่งดังมากในสหรัฐอเมริกา และเปิดให้บริการในหลายประเทศทั่วโลก รวมแล้ว 70 แห่ง ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็น meeting place ที่เป็นมากกว่าสถานที่ช็อปปิ้ง พร้อมจะรองรับลูกค้าจากทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกเท่านั้น แต่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม จากทุกพื้นที่ และด้วยศักยภาพของลูกค้าเมกาบางนาที่มีลูกค้าใช้บริการถึง 50 ล้านคนต่อปี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัว กำลังซื้อสูง จะช่วยต่อยอดเป้าหมายทางธุรกิจให้กับท็อปกอล์ฟได้เป็นอย่างดี คาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการในโครงการเมกาซิตี้ถึงวันละ 250,000 คน และท็อปกอล์ฟจะเป็น destination ใหม่ที่โดดเด่น และแตกต่างจากที่อื่น”

เติมร้านอาหาร-เมกาพาร์ก

พร้อมกันนี้ยังมีแผนจะเพิ่มร้านค้า หรือผู้เช่าในศูนย์ โดยเน้นการคัดสรรผู้เช่าที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ และอีกหนึ่งแผนงานหลัก คือ การสร้าง journey ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และการเพิ่มความถี่ในการเข้ามาใช้บริการของลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ต่อเนื่อง

จากปัจจุบันมีการใช้พื้นที่ไปแล้ว 300 ไร่ เป็นพื้นที่ของศูนย์การค้าเมกาบางนา 200 ไร่ และได้มีการพัฒนาโครงการ ได้แก่ ส่วนต่อขยายเมกาฟู้ดวอล์ก ที่มาพร้อมกับที่จอดรถ 1,200 คัน และอาคารจอดรถอิเกีย 8 ชั้น ที่เชื่อมต่อกับตึกเดิมของอิเกีย รองรับรถได้ถึง 2,000 คัน และสามารถรองรับรถได้มากถึง 12,000 คัน

ส่วนต่อขยาย โซนเมกา สมาร์ท คิดส์ สวนสาธารณะเมกาพาร์ก โรงเรียนประถมศึกษานานาชาติดิษยะศริน กรุงเทพ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ

โดยเน้นสร้างความแตกต่างของ brick and mortar store กับ e-Commerce คือ การสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าที่สามารถจับต้องได้ ทั้งในแง่ของความหลากหลายของร้านค้าภายในศูนย์ การบริการ บรรยากาศการช็อปปิ้ง หรือกิจกรรมโปรโมชั่นต่างๆ ย้ำแนวคิด Your Everyday Meeting Place

“การพัฒนาโครงการดังกล่าวจะเน้นกลยุทธ์การวาง Tenant Mix ที่มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงต้องอยู่ในกระแสและนำเทรนด์ใหม่ ๆ มาให้ลูกค้าอัพเดตแบรนด์ใหม่อยู่เสมอ สร้างประสบการณ์ที่ดีในการช็อปปิ้ง ได้รับประทานอาหาร หรือมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทำมากมาย ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ อาทิ ชมภาพยนตร์ มาเรียนพิเศษ ออกกำลังกาย พาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นในสวน Mega Park มาถ่ายภาพกับมุมสวย ๆ ที่ Mega FoodWalk เป็นต้น”

อัดกิจกรรมปลุกจับจ่ายปลายปี

ซีอีโอเมกาบางนายังแสดงความเห็นด้วยว่า จากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย การผ่อนปรนหรือการคลายล็อกให้หลาย ๆ กิจการเปิดให้บริการได้ รวมถึงปัจจัยจากนโยบายการเปิดประเทศ จะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในช่วง 2 เดือนสุดท้าย แนวโน้มคึกคักมากขึ้น

และเมกาบางนาเองก็ได้มีการจัดอีเวนต์ แคมเปญโปรโมชั่นไว้รองรับ อาทิ แคมเปญ Mega Wish ช็อปแล้วลุ้นรางวัลมูลค่ากว่า 1.9 ล้านบาท พร้อมรางวัลใหญ่ รถยนต์ Honda City Turbo RS CVT มูลค่า 739,000 บาท, แคมเปญ Mega Advent Calendar รับสิทธิ์ลุ้นบัตรกำนัล หรือของรางวัลมูลค่าตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไปได้ทุกวัน เริ่ม 1 ธ.ค. 2564-3 ม.ค. 2565

นอกจากนี้ ยังมีการตกแต่ง ประดับไฟต้นคริสต์มาสภายใต้ Theme : The Magical Cirque of Christmas เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง พร้อมกิจกรรมพิเศษสำหรับสมาชิกเมกา สไมล์ รีวอร์ดส รวมถึงเทศกาลช็อปของขวัญในงาน Mega Gift Festival ที่รวบรวมของขวัญ ของฝาก ของขวัญช่วงปีใหม่ และโปรโมชั่นพิเศษจากบัตรเครดิต และร้านค้าต่าง ๆ


“ศูนย์การค้ายังเป็นสถานที่ที่ลูกค้ายังต้องการมาสัมผัสและเข้ามาใช้บริการด้วยตัวเอง มาเดินเลือกสินค้า รับประทานอาหารที่ร้าน มาพักผ่อน รวมถึงนโยบายการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐ ก็มีส่วนให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์ได้มากขึ้นเช่นกัน เมกาบางนาจึงเน้นการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าที่สามารถจับต้องได้ ทั้งในแง่ของความหลากหลายของร้านค้า การบริการ บรรยากาศการช็อปปิ้ง ความสะดวกสบายที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อเข้าใช้บริการ หรือกิจกรรมโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นภายในศูนย์เท่านั้น”