เปิดโรดแมปโตโยต้าปักธงอีวี ทุ่มน้ำหนักปลั๊ก-อินไฮบริดชิงลูกค้ายุโรป

โตโยต้าเปิดแผนทำตลาดรถสุดหรู “เลกซัส” ระบุกลุ่ม PHEV ตอบโจทย์สุด ๆ ส่ง NX 450h+ ลุยตลาด ชูจุดขายวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกล 87 กิโลเมตร ลั่นอนาคต BEV มาแน่ตามโรดแมป เร่งขยายกลุ่มลูกค้ากินตลาดรถยุโรปเพิ่ม

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ เลกซัส กรุ๊ป บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของตลาดรถยนต์เลกซัสในประเทศไทย ว่า บริษัทได้พยายามปรับปรุงสินค้าให้มีเอกลักษณ์ มีมิติใหม่ ชูความเป็นอิเล็กทริกด้วยการนำเสนอรถยนต์ xEV ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องโดยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา

ยอดขายเลกซัสไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทั้งภาวะเศรษฐกิจ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ “เลกซัส” เมื่อเทียบกับกับในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าราคาขายจะยังคงเป็นราคาของรถยนต์นำเข้า แต่เลกซัสดูแลง่าย มีความคุ้มค่ามากต่อการใช้งาน

ทั้งนี้ เลกซัสมีนโยบายที่จะเดินหน้าไปสู่รถยนต์ BEV ตามนโยบายที่โตโยต้ามอเตอร์ได้ประกาศไว้ว่าภายในปี 2025 โดนโตโยต้าจะต้องมีรถยนต์ BEV ออกสู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 10 รุ่น ซึ่งร่วมถึงรถยนต์เลกซัสด้วย แต่การจะไปสู่เป้าหมายรถยนต์ BEV ได้นั้น ต้องไม่ลืมว่า ความพร้อมระบบพื้นฐานต่าง ๆ สำหรับรับรถยนต์ไฟฟ้าควรจะมีควบคู่กันไปด้วย

โดยส่วนตัวมองว่า หาผู้บริโภคต้องการซื้อรถยนต์ไปใช้เป็นมิกซ์ยูส คือใช้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และน้ำมัน ผสมกันไปรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ล่าสุด เลกซัสได้ส่งรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด The All New Lexus NX 450h+ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงขนาด 2.5 ลิตร

ทำงานผสานกับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่มีขนาดใหญ่ถึง 18.1 กิโลวัตต์ ใหญ่ที่สุด และให้ระยะทางวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 87 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จไฟจนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น (เมื่อชาร์จด้วยเครื่องชาร์จแบบกระแสสลับ TYPE2 6.6 กิโลวัตต์ ที่กำลังไฟ 32 แอมป์ต่อชั่วโมง) โดยระบบไฟฟ้าสามารถทำความเร็วสูงสุด 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Grand Luxury ราคา 3.590 ล้านบาท, รุ่น Premium ราคา 3.870 ล้านบาท และรุ่น F SPORT ราคา 4.320 ล้านบาท

ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบได้ในช่วงต้นปี 2565 จากปัจจุบันมียอดพรีบุ๊กกิ้งไปก่อนหน้านี้ กว่า 80 คันภายในระยะเวลา 25 วัน ก่อนเปิดตัว

ส่วนแผนการขยายเครือข่ายการจำหน่ายของเลกซัสนั้น ขณะนี้โตโยต้ายังไม่มีนโยบายในการขยายเพิ่ม จำนวนตัวแทนจำหน่ายที่ ปัจจุบันมีอยู่ 2 ราย ได้แก่ เลกซัส กรุงเทพฯ (สาขาพระราม 9) และเลกซัส ออโต้ ซิตี้ ที่มี 2 สาขา ได้แก่ สุขุมวิท และรามอินทรานั้น ยังเพียงพอต่อการให้บริการกับรถยนต์เลกซัสในปัจจุบัน

ปีนี้เลกซัสตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 600 คัน ส่วนยอดจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป คาดว่าจะมีไม่น้อยกว่า 150 คัน ส่วนยอดขายรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด The All New Lexus NX 450h+ คาดว่าจะมียอดขายทั้งปีไม่น้อยกว่า 120 คัน

นายสุรศักดิ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันลูกค้าขอเลกซัสนั้น เป็นกลุ่มลูกค้าที่เคยใช้งานเลกซัสมาแล้ว และยังมีกลุ่มลูกค้าจากแบรนด์ยุโรปเพิ่มเข้ามาเป็นจำนวนมาก

สำหรับภาพรวมของตลาดรถยนต์ในปีนี้ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า จากสถานการณ์โดยรวม ประกอบกับปัจจัยต่าง ๆ เชื่อว่ายอดขายรถยนต์ในปีนี้อาจจะใกล้เคียง 800,000 คัน หลังจากประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่เดือนเมษายน-สิงหาคมที่ผ่านมา

วันนี้สถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้นดีมานก็ในตลาดยังมีอยู่ โดยเฉพาะรถเพื่อการพาณิชย์น่าจะทำให้ทุกอย่างค่อย ๆ กลับเข้าสู่ภาวะที่ดีขึ้น