ฟาสต์ฟิต 1.6 แสนล้านเดือด ควิกเลนลั่น 5 ปีกอดที่ 2 ทะลุ 100 แห่ง

ควิกเลน ระยอง

“ควิกเลน” มั่นใจใช้เวลา 3-5 ปี ขึ้นแท่นเบอร์ 2 ชิงเค้กตลาดบำรุงรักษารถยนต์ 1.6 แสนล้าน เร่งหา “แฟรนไชส์” ขยายเน็ตเวิร์กอีกเท่าตัว พร้อมชูจุดแข็งอะไหล่คุณภาพออมนิคราฟต์และมาตรฐานฟอร์ด

นายสันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการ ควิกเลน ประเทศไทย ศูนย์บริการรถยนต์เร่งด่วน หรือ ฟาสต์ฟิต เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ควิกเลน ยืนยันเป้าหมายเดิมว่าภายในปี 2569 ควิกเลนจะมีจำนวนสาขาครอบคลุมทั่วประเทศครบ 100 สาขา แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 60 สาขา และต่างจังหวัด 40 สาขา จากปัจจุบันมี 17 สาขาและสิ้นปี 2565 จะขยายเพิ่มเป็น 33 สาขา

สันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการ ควิกเลน ประเทศไทย
สันติ จิตพิชิตชัย ผู้อำนวยการ ควิกเลน ประเทศไทย

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ธุรกิจฟาสต์ฟิตซึ่งให้บริการหลังการขายยังคงมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น เนื่องจากผู้ใช้รถหันมาบำรุงรักษารถยนต์ของตัวเองมากขึ้น เห็นได้จากความต้องการของตลาดบำรุงรักษารถยนต์ที่มีอยู่ราว 140,000-160,000 ล้านบาทต่อปี (รวมศูนย์บริการรถยนต์ทุกยี่ห้อ) และมีปริมาณรถยนต์ที่วิ่งอยู่ 18 ล้านคันในปัจจุบัน ซึ่งยังเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตได้อีกค่อนข้างมาก

ควิกเลน ถือเป็นศูนย์ฟาสต์ฟิตที่มีการให้บริการผ่านระบบแฟรนไชส์ 100% โดยมีการสนับสนุนผู้ลงทุนอย่างครบวงจร ตั้งแต่ระบบการจัดการตั้งแต่เริ่มต้น การฝึกอบรมช่างระดับมืออาชีพ เครื่องมืออุปกรณ์ รวมถึงความเชี่ยวชาญจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลกอย่างฟอร์ด

ควิกเลน

Advertisment

มีจุดเด่นคือ มีแบรนด์อะไหล่ของตัวเองยี่ห้อ “ออมนิคราฟต์” ที่มีความได้เปรียบในเรื่องของคุณภาพและราคา รวมทั้งที่มีรองรับความต้องการของรถยนต์หลากหลายรุ่น หลากยี่ห้อ ซึ่งถือว่าครอบคลุมในตลาดมากที่สุดตามมาตรฐานของควิกเลน และมีบริการอื่น ๆ ครอบคลุมกว่า 14 กลุ่ม ทั้งเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง เปลี่ยนยางรถยนต์ ตรวจซ่อมระบบเบรก โช้กอัพและระบบช่วงล่างจนถึงแบตเตอรี่รถยนต์และบริการอื่น ๆ

สำหรับศูนย์ควิกเลนนั้น นักลงทุนเลือกได้ 3 รูปแบบโดยไม่รวมมูลค่าพื้นที่ คือ ขนาด 4 ช่องซ่อม ลงทุน 7-8 ล้านบาท, ขนาด 6 ช่องซ่อม ลงทุน 10-11 ล้านบาท และขนาด 8 ช่องซ่อม ลงทุน 14-15 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบขนาด 4 และ 6 ช่องซ่อม ส่วนขนาด 8 ช่องซ่อมนั้นยังไม่มี

“ปีนี้เราจะเน้นหนักใน 3 เรื่อง คือ การขยายสาขา เพื่อสร้างการรับรู้, การเพิ่มฐานลูกค้า จากปัจจุบันมีมากกว่า 40,000 รายให้เพิ่มขึ้น และการเดินหน้าสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ที่ควิกเลน ต้องลงรายละเอียดมากขึ้น อย่างการขยายสาขานั้นเริ่มมีผู้ซื้อแฟรนไชส์รายเดิม ขอขยายสาขาเพิ่ม ภายใน 2-3 ปีที่เขาลงทุนนั้นสามารถคุ้มทุนได้ ซึ่งถือเป็นการพรูฟให้เห็นถึงโอกาสการดำเนินธุรกิจของควิกเลนระดับหนึ่ง”

ควิกเลน

Advertisment

นายสันติกล่าวถึงการแข่งขันในธุรกิจฟาสต์ฟิตว่า ยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นความเคลื่อนไหวของผู้นำตลาดอย่างเบอร์รอง ๆ เริ่มมีการปรับตัว รวมกิจการกันอย่าง แอคและค็อกพิท หรือเอ็มเอ็มเอส บ๊อชเอง ก็เริ่มกลับมาโหมตลาดใหม่อีกครั้ง หรือแม้แต่ ออโต้-วัน ก็เริ่มมีการขยายมากขึ้น

ทั้งนี้ เพราะผู้ประกอบการทุกคนเชื่อว่าตลาดยังมีโอกาสอยู่ค่อนข้างมาก ส่วนควิกเลนนั้นตั้งเป้าว่า ภายในปี 2569 หรือ 4-5 ปี จากนี้จะต้องก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 2 ในตลาดนี้ให้ได้ โดยบริษัทจะใช้จุดขายความเป็นมาตรฐานเดียวกับแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของโลกอย่างฟอร์ดแล้ว ยังพร้อมอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าแบบครบวงจร และนโยบายสำคัญคือ ควิกเลนจะไม่ลงไปเล่นสงครามราคาอย่างแน่นอน

ล่าสุดได้ส่งบริการ “ควิกแมน” บริการรับส่งรถยนต์ของลูกค้าเพื่อนำเข้ามาใช้บริการยังศูนย์บริการ และรถโมบายเซอร์วิสที่สามารถให้บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ รวมทั้งเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องถึงที่ด้วย