ฮอนด้า ซีวิค RS ขับดีขึ้น เน้นความนุ่มนวล

เทสต์คาร์
วุฒิณี ทับทอง

กลับมาสร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางบ้านเราได้อยู่มากโข…ท่ามกลางบรรยากาศ และสถานการณ์ที่โควิด-19 กำราบทุกอย่างให้เดินได้ช้าลง…

แต่ไม่ใช่ สำหรับค่ายฮอนด้า แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นเดียวกับค่ายรถยนต์อื่น ๆ และทุกอย่างยังต้องเดินหน้า

ฮอนด้าตัดสินใจเปิดตัว “ซีวิค ใหม่” ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา (6 ส.ค.) และมียอดขายไปแล้วกว่า 1,600 คัน (15 ส.ค.) ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

ส่วนความคาดหวังของฮอนด้า ซีวิค เวอร์ชั่นนี้ ทีมผู้บริหารฮอนด้าได้แจ้งว่า ภายในระยะเวลานับจากเปิดตัวถึงสิ้นปี พวกเขาตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ “1 หมื่นคัน” ส่วนเป้าหมายนับตั้งแต่เปิดตัวไปอีก 12 เดือน เขาตั้งเป้ายอดขายกว่า 17,000 คัน ถือว่าท้าทายไม่น้อย

โดยเฉพาะหมื่นคันแรก บนพื้นฐานของสถานการณ์ในปัจจุบัน

 

ทันทีที่ “ฮอนด้า” จัดทริป เพื่อให้บรรดาสื่อมวลชนได้สัมผัสกับรถคันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” ไม่รอช้าตอบรับ เพื่อร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ฮอนด้านำมามอบให้กับลูกค้าชาวไทย

ซีวิค เวอร์ชั่นนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งฮอนด้าต้องการยกระดับให้เป็นสปอร์ตพรีเมี่ยมซีดาน เรียกว่า ย่อม ๆ รองมาจากรุ่นพี่อย่างฮอนด้า แอคคอร์ดก็ว่าได้

สำหรับฮอนด้า ซีวิค คันที่เราทดสอบครั้งนี้เป็นรุ่นท็อป RS ที่มาพร้อมชุดแต่งดีไซน์สปอร์ตเอ็กซ์คลูซีฟ ด้วยโทนสีดำของชุดแต่งรอบคัน ปลายท่อคู่ ตัดกับสีตัวถัง ที่ในรุ่นนี้ให้เลือก 5 สี ได้แก่ ดำ, ขาว, แดง, เทา, เงิน ส่วนภายในห้องโดยสารเป็นโทนสีดำ ชวนให้ค้นหาแล้ว

สิ่งที่ฮอนด้าเพิ่มเข้ามาในรุ่น RS ในส่วนของรายละเอียดปลีกย่อย มีให้มาตั้งแต่ล้อ 17 นิ้ว เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า เป็นเบาะหนังกลับ เดินด้ายสีแดง หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ส่วนมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 10.2 นิ้วชัดเจน

มีช่องเสียบ USB ถึง 4 จุด มีวางชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (wireless charger) มาอำนวยความสะดวก สำหรับคนที่ไม่ชอบสายเชื่อมต่อชาร์จไฟให้ระโยงระยาง

ส่วนระบบปรับอากาศ เป็นแบบแยกอิสระซ้าย ขวา แถมการออกแบบ ช่องปรับอากาศที่คอนโซลหน้า ต้องชม กับความกล้าที่จะเเหวกแนวของทีมออกแบบ ที่เลือกใช้สไตล์เรโทร เป็นช่องตะแกรงรังผึ้งวางแนวนอนยาว ที่คอนโซลด้านหน้า พร้อมปุ่มปรับแบบคันโยก เปลี่ยนทิศทางช่องแอร์ ซ้าย ขวา ขึ้น ลง

โดยส่วนตัวชื่นชอบ ถูกใจอย่างยิ่ง กับช่องแอร์ที่อยู่ในซีวิคเวอร์ชั่นนี้ ทำให้นึกย้อนกลับไปได้ทั้งความเรียบหรูมีสไตล์ มีกลิ่นอายเรโทร ที่เฉียบและเนี้ยบพอตัว

เรียกว่าใครชอบสไตล์เรโทรแบบนี้ ต้องมีใจสั่นระรัวแน่นอน

และในรุ่น RS ฮอนด้าได้ใช้ระบบกุญแจแบบสมาร์ทคีย์การ์ดด้วย ขณะที่ระบบเชื่อมต่อนั้น อัดแน่นมาด้วย Honda Connect เทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์ และการทำงานผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ทั้งง่ายและสะดวกในการใช้งาน

ส่วนระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ฮอนด้าเลือกนำ Honda SENSING เข้ามาใส่ในซีวิคทุกรุ่น เป็นมาตรฐาน เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และทำให้การขับขี่ง่ายขึ้น ทั้งระบบ การควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, การควบคุมให้รถอยู่ในเลน, ระบบการเตือนการชนและคนเดินข้ามถนน, ระบบช่วยเบรก, ระบบเตือนและควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทาง และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ มีมาให้ครบ

หลังจากรับรถที่สำนักงานฮอนด้า ขับแบบเดย์ทริป โดยเลือกเส้นทางทดสอบได้ฟรีสไตล์ รับกุญแจรับรถเสร็จสรรพ ตัดสินใจมุ่งหน้าขึ้นทางด่วน วงแหวนตะวันออก เพื่อตัดเข้ามายังเส้นทางด่วนพระราม 2 ในช่วงต้นของการทดสอบ เลือกใช้โหมดการขับขี่ที่ไปโหมดการขับขี่แบบปกติ เพื่อสัมผัสฟีลลิ่งของรถคันนี้

ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วถือว่าฮอนด้าทำรถออกมาได้ต่างจากเวอร์ชั่นก่อน ทั้งในส่วนของการให้น้ำหนักพวงมาลัย ที่ควบคุมได้ง่าย ไม่ถึงกับเบาหวิว

ส่วนช่วงล่างนั้น วิ่งบนทางด่วนด้วยความเร็วเฉลี่ย 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

อัตราเร่งตอบสนองค่อนข้างดี กดคันเร่งลงไป เครื่องยนต์พร้อมตอบสนองได้ดีสมูทกว่ารุ่นก่อน

ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะฮอนด้ามีการปรับจูนเครื่องยนต์ที่ให้กำลังเพิ่มจากรุ่นก่อนหน้ามานิดหน่อย เมื่อถามทีมวิศวกรอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ของซีวิครุ่นนี้เทียบกับรุ่นก่อนได้คำตอบว่า “เท่ากันเป๊ะ” ที่ 8.3 วินาที แต่จากการปรับปรุงในหลายส่วน ทำให้รู้สึกว่ารถคันนี้ขับดีกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดเจน

มีบางจังหวะที่ต้องซอกแซก มุดซ้ายขึ้นขวา สัมผัสได้ว่า การเซตช่วงล่างของรถคันนี้ เน้นไปที่ความนุ่มและนิ่ง (นุ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อน) ความกระด้างนิด ๆ ของช่วงล่างหายไป ถูกแทนที่ด้วยความนุ่มนวล ทำให้มั่นใจและรู้สึกได้ว่า รถควบคุมได้ง่ายขึ้น

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฮอนด้าตั้งใจขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่า ซีวิคคันนี้น่าจะไปตอบโจทย์บรรดาคุณสาว ๆ ที่ใช้งานในเมืองได้ดี หรือจะขยายกลุ่มไปถึงผู้ใช้สำหรับเป็นรถครอบครัว ก็น่าจะได้ทำได้ไม่ยาก

กดเปลี่ยนโหมดการขับขี่มาที่โหมดสปอร์ต ซึ่งมีเฉพาะในรุ่น RS เท่านั้น เท่าที่จับความรู้สึกได้คือเครื่องยนต์ทำงานกระชับขึ้น ประมาณว่า ต้องการให้สัมผัสกับอารมณ์ความสปอร์ตเข้ามาติด ๆ แต่โดยส่วนตัวแล้วเรียกว่า แทบจะไม่ต่าง

แต่ทั้งนี้คงต้องรอทดสอบ สำหรับรุ่น EL หรือ EL+ กันอีกทีว่า การเซตรถจะต่างไปจากรุ่น RS ที่มีโหมดสปอร์ตเพิ่มให้เข้ามามากน้อยแค่ไหน

ส่วนโหมดประหยัดนั้น เหมาะกับการขับขี่แบบไปได้เรื่อย

สำหรับฮอนด้า ซีวิค มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย EL ราคาเริ่มต้นที่ 964,900 บาท รุ่น EL+ ซึ่งจะเป็นตัวหลักที่สร้างยอดขาย ราคา 1,009,900 บาท และรุ่น RS ที่มาพร้อมชุดเเต่งรอบคันราคา 1,199,900 บาท