ประยุทธ์ เตือนคนไทย ใส่หน้ากาก ป้องกันโควิดระบาดระลอกใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกฯ ยัน ตรวจโควิดเป็นประจำ หลัง สมเด็จฯฮุนเซน แห่งกัมพูชาตรวจพบเชื้อ ไม่ร่วมเอเปคที่เมืองไทย ฝากคนไทยใส่หน้ากาก ป้องกันโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกตรวจพบว่ามีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ขณะบินไปร่วมประชุมจี 20 ที่เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย จะเดินทางมาร่วมประชุมเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพได้หรือไม่ ว่าตามกติกาแล้วเป็นการเชิญผู้นำประเทศ สรุปสมเด็จฯฮุนเซน ไม่ได้มาร่วมประชุมเอเปค เพราะท่านไม่สบาย

“ส่วนผมนั้นตรวจโควิด-19 บ่อยอยู่แล้ว มีการตรวจที่บ้าน มีเจ้าหน้าที่ตรวจเป็นประจำ เวลาไปงานพิเศษก็มีการตรวจที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อคืนผมก็ตรวจอีก” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเพิ่มมาตรการการตรวจโควิด-19 ระหว่างการประชุมเอเปคหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขามีการตรวจอยู่แล้ว มีตรวจที่โรงแรม รวมถึงประเทศที่มาร่วมประชุมก็มีการแสดงผลการตรวจอยู่แล้ว ทุกคนไม่มีใครอยากเป็นหรอก อีกทั้งช่วงนี้เดินทางบ่อยก็เจอกันเยอะแยะ

“อยากฝากพวกเรา (สื่อ) ช่วยเตือนด้วยแล้วกัน เพราะวันนี้มีการฉีดเข็มกระตุ้น ใส่หน้ากากในที่สาธารณะ ไม่อยากให้โควิด-19 กลับมาอีก เพราะตอนนี้การท่องเที่ยวก็เต็ม คนก็เยอะ ธุรกิจก็ดีขึ้น ฝากด้วยแล้วกัน”

เมื่อถามว่า ที่ประชุม ครม.ได้กำชับอะไรเกี่ยวกับประชุมเอเปคอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่ได้กำชับอะไร ตนได้ติดตาม เพราะมีการนำเสนอเข้ามามากพอสมควรในสองสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการเจรจาข้อตกลง พันธะสัญญาต่าง ๆ ซึ่งต้องนำมาเข้าพิจารณาใน ครม.ให้เป็นไปตามกฎหมาย และต้องไม่เข้ารัฐธรรมนูญมาตรา 178 วันนี้มีประมาณ 7-8 เรื่องที่จะต้องลงนามกับผู้นำประเทศที่เขามาประชุม โดยมีการตกลงในที่ประชุมเอเปค

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ช่วงนี้จะสังเกตได้ว่าวาระในการประชุม ครม.มีวาระจรเข้ามามาก ซึ่งเป็นเรื่องพวกนี้ เพราะไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะร่างขึ้นมาแล้วนำเข้าอนุมัติใน ครม. แต่ต้องมีการเจรจาจากข้างล่างมาก่อน เมื่อได้ข้อยุติก็นำมาเข้าอนุมัติใน ครม.

เมื่อถามว่า ส่วนที่จะพบนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะมีการหารืออะไรเป็นพิเศษ เช่น ด้านการท่องเที่ยว หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปกติต้องคุยกันในห้องประชุมอยู่แล้ว มีการพบปะทวิภาคีกับหลายประเทศเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นหลักการเดียวกัน ว่า ทำอย่างไรจะลดผลกระทบเรื่องเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ในหลาย ๆ มิติ และแสวงหาข้อมูลร่วมกัน ที่เราพูดเรื่อง Open. Connect. Balance วันนี้นายกฯ พยายามทำอย่างนี้มาตลอดทุกเวที

เราต้องสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจซึ่งกันและกัน เอาประเด็นที่มีความสำคัญตรงกันมาเฉลี่ย แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อประชาชนของเราโดยรวม