พลังประชารัฐ ปราศรัยใหญ่ ลานคนเมือง สกลธี ชู ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที

ประวิตร

ประวิตร นำทัพ พลังประชารัฐ ปราศรัยใหญ่ ลานคนเมือง อาสานำความสามัคคี-หมดเวลาทะเลาะกันเอง สกลธี ชู ทำจริง-ทำเร็ว-ทำทันที อ้อน ขอเป็นเบอร์ 1 ในใจคนกรุงเทพฯ

วันที่ 18 มีนาคม 2566 ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ภายใต้ชื่อ “พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สลับกันขึ้นปราศรัย

นำสามัคคีสู่ประเทศ-หมดเวลาทะเลาะกันเอง

พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยว่า ก่อนอื่นขอสวัสดีพี่น้อง ชาวกรุงเทพมหานคร และพี่น้องชาวไทยที่รักทุกคน ผมรู้สึกดีใจ และอบอุ่นที่ได้มาอยู่ท่ามกลางพี่น้องทุกท่านในวันนี้ ซึ่งเป็นการปราศรัยในกรุงเทพฯครั้งแรก ของผม วันนี้ผมมาพร้อมกับผู้บริหารและสมาชิก พรรคพลังประชารัฐ รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน เพื่อยืนยันให้พี่น้องมั่นใจว่าพวกเราพร้อมแล้วที่จะทำงานรับใช้กรุงเทพมหานคร

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐตระหนักดีว่า กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวม เป็นหน้าตา และศักดิ์ศรีของประเทศ เราต้องช่วยกันดูแล รักษา ให้สะอาด สวยงาม ปลอดภัย น่าอยู่ น่าอาศัย น่าที่จะมาท่องเที่ยว ผมและพรรคพลังประชารัฐ จะมุ่งมั่น ทำงาน ร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อพัฒนา

และแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง ที่เป็นประโยชน์ กับ คนกรุงเทพฯ ปัญหาต่าง ๆ ทั้งในเรื่อง การจราจร ติดขัด ปัญหา ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม มลพิษ PM 2.5 การขาด พื้นที่สีเขียวน้ำท่วม น้ำเน่าเสีย ระบบขนส่งมวลชน ปัญหายาเสพติด และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

“พรรคพลังประชารัฐจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว พร้อมกับนำนโยบายที่เป็นประโยชน์มามอบให้กับ พี่น้องประชาชน ทั้งในเรื่อง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การลดราคา น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ดูแลคนไทย ทุกช่วงวัย ทั้งเบี้ยผู้สูงอายุ แม่ และเด็ก ดูแลผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส อย่างเท่าเทียมเพื่อลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในสังคม”

“ขอให้ พี่น้องประชาชนให้โอกาส พรรคพลังประชารัฐพวกเราอาสาที่จะนำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติของเรา หมดเวลาที่เราคนไทยจะมาทะเลาะกันเองแล้ว พวกเราคนไทย ต้องจับมือกันนำพาประเทศ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อความสุขของคนไทยทุกคน”พล.อ.ประวิตรกล่าว

ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที

นายสกลธีกล่าวปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ใช่แค่ ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่เรา ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที และพร้อมสานงานที่ทำเอาไว้ และก่องานใหม่ ไม่ต้องเรียนรู้งาน

“พรรคพลังประชารัฐมี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน เพราะเรามีพล.อ.ประวิตร เป็นผู้จัดการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน จนทำให้รัฐบาลอยู่มาได้ถึง4 ปี ผลงานที่ทุกคนรู้กันดีก็คือ แก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ”นายสกลธีกล่าว

นายสกลธี กล่าวว่า กทม.มีดีหลายอย่าง ทั้งพื้นที่เกษตร ของดีชุมชนต่าง ๆ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และที่ดีกว่านั้นคือ พลังใหม่ทั้ง 33 คน ที่มาเสนอตัวให้พี่น้องประชาชนได้เรียกใช้ เราขอเพียงแค่โอกาสเป็นเบอร์หนึ่งในใจของคนกรุงเทพฯ และเราจะผลักดันสิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายทำเพื่อประชาชนอย่างแน่นอน

เพิ่มรายได้-ลดค่าครองชีพ คุณภาพชีวิตดี

นางนฤมลกล่าวปราศรัยว่า ตนขอเป็นตัวแทนผู้สมัครทั้ง 33 คน มาบอกเล่าว่า เราได้ทำอะไรกันมาบ้าง ทุกคนมีพลังและอยากจะเปลี่ยนผ่าน นำพาสิ่งดีๆ มาสู่พี่น้องชาวกรุงเทพฯของเรา โดยผู้สมัครของเราอยากจะเพิ่มพลังให้คนกรุง

โดยเรื่องที่พี่น้องประชาชนต้องการให้เราแก้คือ ปัญหาเศรษฐกิจ เราก็พร้อมที่จะตอบสนองต่อความต้องการของทุกคน เราจะกระจายเพิ่มรายได้ให้กับคนทุกกลุ่ม และลดค่าของชีพ ลดค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นการเพิ่มเงินในกระเป๋า ทุกคนจะต้องมีเงินเหลือเพิ่มขึ้น

นางนฤมลกล่าววา กรุงเทพมหานครเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ร้อยละ 25 มาจากกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมค้าปลีกและค้าส่ง อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมภัตตาคารอุตสาหกรรมโรงงาน อุตสาหกรรมขนส่งและอุตสาหกรรมสื่อสาร โดยเราจะผลักดันให้กรุงเทพฯเป็นศูนย์การของกลุ่มสื่อสารและดิจิตอล

โดยการดึงกลุ่มดิจิตอล โนมาด( Nomad) เข้ามาอาศัย เพื่อขยายตัวอุตสาหกรรม โดยการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้อีกมาก เราจะต้องดันนักท่องเที่ยวให้เที่ยวทั่วกรุงเทพ และสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันและขยายเศรษฐกิจ

“กรุงเทพของเราได้รับการโหวตเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มของดิจิตอล โนมาด( Nomad) ว่าเป็นเมืองที่ดีที่สุด เมื่อดูจากคะแนนของผ่านชุมชนออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มของดิจิตอลโนมาด( Nomad) นักท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่ใช่มาอยู่เมืองไทยเพียงแค่วันหรือสองวัน”

“แต่พวกเขามาอยู่นานเป็นเดือน เป็นปี โดยพวกเขาต้องการที่จะมาเที่ยวในเชิงวัฒนธรรม อยากจะรู้จักชีวิต ความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ และนำวัฒนธรรมเหล่านี้ไปสร้างแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ของเขา”นางนฤมลกล่าว

นางนฤมลกล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีย่านที่มีชื่อเสียงมากมาย ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องในทุกชุมชน ในทุกเขต นอกจากการเพิ่มพลังเศรษฐกิจแล้วเราจะเพิ่มพลังชีวิต ซึ่ง กรุงเทพมหานครมีจำนวนประชากรกว่า 5.5 ล้านคน แต่หากกลุ่มประชากรที่เข้ามาอาศัยถึง 11 ล้านคน หากเพิ่มประชากรแฝง อาจมากถึง 15 ล้านคน

สิ่งสำคัญคือเมืองใหญ่อย่างเดียวไม่พอแต่เมืองต้องมีสภาพแวดล้อมที่พร้อมรองรับการอยู่อาศัยของผู้คน พลังประชารัฐจะมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชากรที่อยู่และเข้ามาอาศัย โดยการพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพ เราจะมีกลุ่มพัฒนาทักษะ ทุกเขต มีการเรียนฟรี อบรมฟรี รวมถึงสนับสนุนการจ้างงาน และเป็นสื่อกลางระหว่างเอกชนและแรงงาน

“พรรคพลังประชารัฐ ขอโอกาสให้พลังใหม่ ทั้ง 33 คนของเรา ได้เข้าไปช่วยเพิ่มพลังให้กับพี่น้อง กทม.เพิ่มพลังเศรษฐกิจ เพิ่มพลังชีวิตให้กับทุกคน”นางนฤมลกล่าว

 ส.ส.กทม.ชุดผสม รุ่นเก๋า-รุ่นใหม่

นายสนธิรัตน์ ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยก่อนหน้านี้เป็นคนแรก ว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองที่ตนก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 61 และ คน กทม.ก็ให้ความไว้วางใจกับพรรคของเรา การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐได้คัดสรรผู้สมัครคุณภาพทั้ง 33 เขต มาผสมกับผู้สมัครรุ่นเก๋าที่จะมาร่วมใจกันเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น  ครั้งนี้ถือเป็นเวทีเป็นไม้แรก  ของขุนพลพลังประชารัฐกทม.

ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่ประกาศเปิดตัวทั้ง 33 เขต มั่นใจถึงความพร้อมทั้งตัวบุคคลและนโยบาย ตนขึ้นเวทีเป็นคนแรกเพื่อบอกว่า พปชร.ในอดีตที่พี่น้องกทม.ให้ความไว้วางใจ มีสส.กทม.12 คน ตนจึงเป็นสัญลักษณ์ว่าในอดีตที่พี่น้องให้กำลังใจนั้น วันนี้มาเชื่อมโยงให้การเลือกตั้งครั้งนี้สำเร็จ ซึ่งพรรคคัดผู้สมัครคุณภาพ 33 เขต ผสมผสานระหว่างผู้สมัครตัวเก๋า และ รุ่นใหม่ที่จะเป็นขวัญใจพี่น้องกทม.

กรุงเทพ+5 จว.ปริมณฑล

นายอุตตมกล่าวปราศรัยว่า นโยบายเพื่อชาว กทม.อย่าง กรุงเทพ +5 คือพื้นที่ กทม.บวกกับ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา และ กรุงเทพฯต้องเป็นศูนย์กลางพัฒนา 360 องศา รวมถึงการกระจายความแออัดจาก กทม.ไปยังจังหวัดปริมณฑลที่มีของดีไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ที่เตรียมรอให้เราไปพัฒนา

เราจะสร้างเศรษฐกิจย่าน กทม.10 ย่านนำร่องไม่ว่าจะเป็นเขตลาดพร้าว เขตประเวศ เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ โดยการดึงจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ออกมา โดยมีการเชื่อมโยงการคมมนาคมที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อเป้าหมายในการเติมเต็มความสุขให้กับคนเมืองให้ได้

นายอุตตมกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐจะตั้งกองทุนประชารัฐ เพื่อปลดภาระ เพิ่มรายได้ และสร้างโอกาส แก้หนีัให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนใหม่ แล้วเสริมทักษะ ในกรอบวงเงิน 300,000 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ โดยกองทุนจะมีการให้กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพยกตัวอย่างเช่น การกู้เงินจำนวน 50,000 บาท จะใช้เวลาผ่อน 7 ปี ซึ่งจะตกวันละ 24 บาท โดยดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5

นายอุตตมกล่าวว่า เราจะลงทุนพัฒนาในย่านเศรษฐกิจ และมีการจัดทุนตั้งต้นให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ รวมไปถึงการพัฒนาการค้าขายในรูปแบบแฟรนไชส์ พรรคพลังประชารัฐ ยังมีนโยบายดูแลค่าใช้จ่าย เช่นจะช่วยค่าใช้จ่ายตั้งแต่ตั้งครรภ์ถึงหกขวบ

โดยกลุ่มคนนี้จะมีประมาณ 266,000 คน และยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดาผู้มีรายได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปีทุกอาชีพ รวมถึงบ้านหลังแรกสามารถนำค่าผ่อนบ้านมาลดภาษีได้  200,000 บาท ในส่วนของบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือนที่ประชาชนคงจะทราบกันไปแล้ว

แต่เราจะมีการเพิ่มการใช้บัตรให้ครอบคลุม เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าเดินทางสาธารณะ วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และอื่นๆ เพื่อให้ความสะดวกสบายกับประชาชนมากขึ้น และเราจะมีการประกันชีวิตในวงเงิน 200,000 บาทต่อราย ฟรี

กระจายความเจริญสู่ชานเมือง

นายสันติกล่าวปราศรัย ว่า พรรคพลังประชารัฐจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่ความสามัคคีของคนในชาติ ลดความเหลื่อมล้ำในทุกรูปแบบ วันนี้พลังประชารัฐมีความตั้งใจที่จะส่งตัวแทนของพรรคครบทุกเขตทั่ว กทม. เพื่อที่ผู้สมัครของเราจะได้ลงไปรับใช้ รับฟังปัญหา เพื่อนำมาแก้ไข และพัฒนาให้ทันกับยุคสมัย

นายสันติกล่าวต่อว่า พรรคของเราจะพัฒนารถไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกเส้นทาง ทุกพื้นที่ และที่สำคัญเราจะต้องมีบริการ Shuttle Bus เพื่อลดการใช้รถยนต์รถส่วนตัว เพื่อความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน จากหมู่บ้านจะนำท่านมาส่งที่สถานีรถไฟฟ้าและจากสถานีไปถึงที่บ้าน ทำให้เกิดความอบอุ่นในครอบครัว

“เราจะแออัดการกระจายความเจริญจากกรุงเทพมหานคร สู่จังหวัดชานเมือง เพื่อประชาชนคนทำงานจะไม่ต้องเดินทางไกลในการมาทำงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีความจำเป็น ก็จะต้องขยายสถานที่ตั้งออกไป”นายสันติกล่าว

ลดเบนซินลิตรละ 18 บาท-ดีเซล 6 บาท

นายมิ่งขวัญปราศรัยว่า พลังประชารัฐมีแคมเปญเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งจะเป็นแคมเปญที่ส่งให้พรรคพลังประชารัฐ เข้าไปนั่งอยู่ในใจของประชาชนทุกคน โดยราคาพลังงานจะสามารถปรับลงลด เพื่อช่วยประชาชนได้ ซึ่งเรามีแนวคิดที่จะรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยจะปรับลด 1 ปี นับตั้งแต่เราเป็นรัฐบาล และเมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว ช่วง 3-4 เดือนแรก จะมีคณะกรรมการขึ้นมาปรับโครงสร้างใหญ่ คือ ภาค 2 ที่จะดำเนินการ

ซึ่งการปรับลดสามารถทำได้ เมื่อเราเป็นรัฐบาล เพื่อลดรายจ่าย ค่าเดินทาง การขนส่งสินค้า ที่สำคัญที่สุด คือ ลดต้นทุนการผลิตสินค้า ทุกขั้นตอนลดอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้ราคาสินค้า อุปโภคบริโภคของประชาชนถูกลง หากโครงสร้างถูกปรับเปลี่ยน จะสามารถลดราคาน้ำมันเบนซิน ลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และลดราคาน้ำมันดีเซล ลงประมาณลิตรละ 6 บาท

“ผมจะบอกว่า ปรัชญาของการเก็บภาษีอากร คือ เสมอภาค เท่าเทียม มีเงินมากเสียมาก น้อยก็ตามอัตราส่วน แต่ปรัชญาที่สำคัญที่สุขต้องทอนคืนเป็นความสุขให้พี่น้องประชาขน ดังนั้น แคมเปญเรื่องน้ำมันจะขับเคลื่อนให้พรรคพลังประชารัฐให้เข้าไปนั่งในหัวใจของพี่น้องประชาชน ถ้าอยากได้น้ำมันราคานี้ อยากได้ต้องรักพลังประชารัฐให้มากๆ เข้าคูหากาคะแนนให้เรา รักทั้งคนรักทั้งพรรค”นายมิ่งขวัญกล่าว