แกนนำเพื่อไทย ปิดปากยืนยันหลักการเดิม รอท่าทีก้าวไกล

พรรคเพื่อไทย

เพื่อไทยยังไม่มีความเคลื่อนไหว หลังใช้เกมที่ประชุม ส.ส.กดดันก้าวไกล ยึดตำแหน่งประธานสภา รอดูท่าทีก้าวไกลวันนี้

วันที่ 28 มิถุนายน 2566 ที่พรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย วานนี้ (27 มิถุนายน) มีมติยืนยันให้คณะกรรมการเจรจาของพรรคไปเจรจากับพรรคก้าวไกล ว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นของพรรคเพื่อไทยนั้น ปรากฏว่าในช่วงเช้าวันนี้ แกนนำสำคัญ ๆ ของพรรคเพื่อไทยซึ่งทำหน้าที่ในการเจรจา ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ยังไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังไม่ปรากฏตัวที่พรรค โดยส่งนายกฤช เอื้อวงศ์ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย มารับหนังสือจากประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในกรุงเทพมหานคร ที่เสนอแนวทาง “รัฐบาลสามัคคีสร้างชาติ” แทน

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์พรรค ได้ส่งข่าวการให้สัมภาษณ์ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์ มายังกลุ่มไลน์ผู้สื่อข่าวพรรคเพื่อไทย

โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ท่าทีของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับเรื่องประธานสภาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร การเจรจาพูดคุยกันเพิ่งเริ่มต้นไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเป็นเพียงการรับข้อเสนอของแต่ละพรรคไปพิจารณา

Advertisment

หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอีก เพราะเป็นกระบวนการพูดกันภายในของแต่ละพรรค สิ่งที่การประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและการประชุม ส.ส.ของพรรคเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว เรามีข้อสรุปออกมาก็เป็นเพียงการให้คำตอบกับพี่น้องประชาชนว่า พรรคยืนยันหลักการในสิ่งที่เราได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก

ซึ่งได้มีการพิจารณาการทำงานและเฉลี่ยออกมาตามสัดส่วนว่าแต่ละพรรคจะต้องทำอะไร ออกมาเป็น 14+1 คือ พรรคก้าวไกลเป็นรัฐมนตรี 14 ตำแหน่งกับนายกรัฐมนตรีดูแลฝ่ายบริหาร และพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐมนตรี 14 ตำแหน่ง และจะรับหน้าที่ในการเป็นประธานสภา ซึ่งในส่วนนี้เป็นสิ่งที่ได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก

ที่ผ่านมาที่มีการพูดและนำเสนอความคิดเห็นต่าง ๆ เป็นเพียงความเห็นต่างภายในของแต่ละพรรค ซึ่งการนำเสนอบางมุมก็สมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคบางส่วนไม่เห็นด้วย แต่พรรคเห็นว่าเมื่อเกิดกระแสความคิดเห็นที่แตกต่างก็ควรมีความชัดเจนไปเจรจากับพรรคก้าวไกล จึงเป็นที่มาของที่ประชุมของพรรคได้ยืนยันหลักการเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เพราะที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็ยังไม่ได้มีคำตอบกลับมา ซึ่งการจะมีคำตอบอย่างไรก็ยังเป็นกระบวนการภายในของพรรคก้าวไกล

“พรรคเพื่อไทยมีสมาชิกพรรคและมีผู้สนับสนุน ซึ่งเราก็ต้องคำนึงถึง เราก็ยืนยันหลักการให้นำข้อเสนอเดิมไปพูดคุยเท่านั้น และไม่ใช่เป็นมติใด ๆ เป็นเพียงแนวทางที่ทุกคนเห็นว่าเมื่อมีการวางหลักการเจรจาไว้อย่างนั้นก็ยืนยันไปตามหลักการนั้น ไม่ได้เพิ่มหลักการใหม่ใด ๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับการเจรจา” นพ.ชลน่านกล่าว

Advertisment

นพ.ชลน่านกล่าวว่า สิ่งที่ 8 พรรค และพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลยึดถือโดยตลอด ได้ลงนามร่วมกันในบันทึกความเข้าใจคือเราจะมัดกันแน่นและทำงานด้วยกัน โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ ยังเป็นประเด็นหลัก

“ยืนยันว่าประเด็นตำแหน่งประธานสภา จะไม่นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค อีกทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลนั้น ได้รับฉันทามติมาจากพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งว่าต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย หากเพียงตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาทำให้แตกแยก พี่น้องประชาชนจะรับไม่ได้”

ผู้ดำเนินรายการถามว่าหากไม่ได้ข้อสรุปอาจเกิดการฟรีโหวตหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทยระมัดระวังไม่ให้เกิดการฟรีโหวตขึ้นอย่างแน่นอน เพราะไม่ได้เป็นประโยชน์กับทั้ง 2 พรรคแล้วยังจะเป็นประโยชน์กับกลุ่มที่สามที่รอโอกาสอยู่

สำหรับการเจราจาเรื่องประธานสภานั้น พรรคเพื่อไทยได้ยืนยันหลักการเดิมที่ได้เสนอไปในการเจรจาครั้งแรก หากมีการนำเสนอแล้วทั้ง 2 พรรคได้ข้อสรุปตรงกันก็พร้อมเดินหน้าต่อทันที แต่หากยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ละพรรคก็จะต้องนำข้อหารือไปพูดคุยภายในพรรคตัวเองเพื่อหาแนวทางไปหารือ เพื่อให้ได้สรุปร่วมกันให้ได้อย่างไร สิ่งที่พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นและประกาศตลอดเวลาเมื่อจับมือกับพรรคก้าวไกลคือเราจะทำอย่างไรให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ เรามัดกันแน่นมาตลอดและต้องทำงานให้ได้