รวมทรัพย์สิน มรดกจอมพลถนอม กิตติขจร ถูกยึดยาว “50 ปี 14 ตุลา”

รวมทรัพย์สิน จอมพลถนอม กิตติขจร

วาระการเมือง 50 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 บันทึกประวัติศาสตร์ของการชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 5 แสนคน มีหลายชีวิตได้รับผลกระทบจนถึงปัจจุบัน ครอบครัว “กิตติขจร” ผู้เคยทรงอิทธิพลก็เช่นกัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์ทางการเมือง “14 ตุลา” ตั้งแต่การก่อเกิดอำนาจ พลิกผัน-เปลี่ยนผ่าน มีชีวิตของครอบครัวหนึ่งคือ “กิตติขจร” ผูกติดอยู่กับวิกฤตการเมืองครั้งนั้นเสมอ

ครอบครัวผู้ทรงอิทธิพลมากบารมี

ครอบครัว “จอมพลถนอม กิตติขจร” ที่เคยก้าวขึ้นอำนาจสูงสุด ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 10 และผ่านการดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

นอกจากนี้ยังได้สร้างเครือข่ายผู้มีอำนาจ ทั้งการแต่งงาน และการเกี่ยวดองในรูปแบบอื่น กับครอบครัวจอมพลประภาส จารุเสถียร โดยพันเอกณรงค์ กิตติขจร บุตรชายจอมพล ถนอม ได้แต่งงานกับนางสุภาพร จารุเสถียร

หลังเหตุการณ์มหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 ครอบครัว “กิตติขจร” ต้องออกนอกประเทศ ภายใน 24 ชั่วโมง ทายาทบางคนในครอบครัว ต้องเดินทางทั้งชุดนอน

เมื่อครั้งครบวาระ 40 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2566 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้จัดทำสารคดี และสัมภาษณ์พิเศษพันเอกณรงค์ กิตติขจร ขณะนั้นเขาอายุ 80 ปี

ADVERTISMENT

“บ้านถกลสุข” ตกเป็นของแผ่นดิน

พันเอกณรงค์เล่าว่า ครอบครัวเขานอกจากต้องไปใช้ชีวิต และทำงานหาเงินในต่างประเทศแล้ว ยังต้องถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด แม้แต่ “บ้านถกลสุข” ซึ่งเป็นชื่อบ้านที่มาจากชื่อของจอมพลถนอม และชื่อภรรยา คุณหญิงจงกล รวมกันเป็น “ถกลสุข” ที่เขาอาศัยอยู่ทุกวันนี้ ก็ยังเป็นของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ซึ่งครอบครัวเขาต้องจ่ายค่าเช่ารายปี

“ตอนยึดทรัพย์บัญชีเงินฝากในธนาคารยังไม่มีเลย บ้านผมปลูกมา มีหลักฐานซื้อ-ขายถูกต้องก็ยึดไป ยังไม่ได้คืน บ้านหลังนี้ (บ้านถกลสุข) ที่ตรงนี้คุณแม่ผมซื้อวาละ 35 บาท ตอนสืบสวนกับเจ้าของที่เขาก็ยังไม่ฟัง ทรัพย์สินเรา ที่ดินเมียผมซื้อมาวาละ 140 บาท ก็ถูกยึดไป ต้องเช่าอยู่หมด”

ADVERTISMENT

พันเอกณรงค์ จำแนกบัญชีทรัพย์สินให้ฟังว่า “เขายึดหมดทุกอย่าง รถรา เงินส่วนตัว บ้านที่คุณพ่อเกิด ที่จังหวัดตาก อยู่ตั้งแต่แบเบาะ ยังยึดเลย ตอนนี้เอาเป็นห้องสมุดประชาชน บ้านเกิดคุณแม่ผม ที่ดินที่อยุธยา ทิ่ดินนี้มีมาแต่คุณแม่ผมเกิด ทรัพย์สินที่ใช้อยู่เกือบไม่มีอะไรเป็นชื่อเรา เวลานี้ ผมเป็นผู้อาศัย ผู้อาศัยบ้านตัวเอง”

ถูกยึดทรัพย์ทั้งหมดทั้งของ “กิตติขจร” และ “จารุเสถียร”

ภายใต้คำสั่งนายกรัฐมนตรี “สัญญา ธรรมศักดิ์” ระบุเรื่องทรัพย์สินของครอบครัว “กิตติขจร” และ “จารุเสถียร” ที่ถูกยึดไว้ว่า “ให้ทรัพย์สินของจอมพลถนอม และภริยา จอมพลประภาส และภริยา พ.อ.ณรงค์ และภริยา ทั้งหมดตกเป็นของรัฐทันทีในวันที่ออกคำสั่งนี้” (คำสั่งลงวันที่ 30 ตุลาคม 2516)

มูลค่าทรัพย์สมบัติของจอมพลถนอม-จอมพลประภาส-พ.อ.ณรงค์ ที่ถูกอายัด ณ เวลานั้น ประเมินว่ารวมกันแล้วมีไม่น้อยกว่า 470 ล้านบาท

บ้าน 7 หลัง รายการทรัพย์สินที่ถูกยึด

บ้านหลังที่ 1 ตั้งอยู่เลขที่ 99 ถนนระนอง 2 ดุสิต กทม. โฉนดที่ดินเลขที่ 5890 แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. เนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน เป็นเงิน 5 ล้านบาท ในเนื้อที่ดังกล่าว ประกอบด้วย สิ่งปลูกสร้างเป็นตึกอาศัย 2 ชั้น 600,000 บาท  เรือนไม้ชั้นเดียว 60,000 บาท เรือนไทย 500,000 บาท ตึกใหญ่ 2.5 ล้านบาท ตึก 2 ชั้นติดต่อกับตึกใหญ่ 1.3 ล้านบาท สระว่ายน้ำ 400,000 บาท อาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น เรือนครัวและห้องพัก 400,000 บาท เรือนไม้ 2 ชั้น 60,000 บาท เรือนไม้ชั้นเดียว 40,000 บาท รั้วและถนน 200,000 บาท ศาลาที่พักยาม 80,000 บาท ประตูรั้วและป้อมยาม 50,000 บาท การถมดิน ปลูกต้นไม้จัดสวน ทำน้ำพุ 100,000 บาท

บ้านหลังที่ 2 ตั้งอยู่เลขที่ 89, 89/1 และ 89/2 ถนนระนอง 2 ดุสิต โฉนดที่ 8758 แขวงถนนนครไชยศรี ดุสิต กทม. เนื้อที่ 2 ไร่ เป็นเงิน 4 ล้านบาท ประกอบด้วย สิ่งปลูกสร้าง ตึกหลังใหญ่ 400,000 บาท เรือนไม้ 2 ชั้น 80,000 บาท ตึก 2 ชั้น 250,000 บาท ตึก 2 ชั้น 300,000 บาท เรือนไม้ชั้นเดียว 50,000 บาท

บ้านหลังที่ 3 เป็นอาคารถกลสุข โฉนดที่ 5891, 14518, 14519 และ 8989 แขวงถนนนครไชยศรี ดุสิต กทม. เนื้อที่ทั้ง 4 โฉนด รวม 1,207 ตารางวา เป็นเงิน 6,035,000 บาท

บ้านหลังที่ 4 หรือบ้านที่ปากเกร็ด เนื้อที่ 3 แปลง 4 ไร่ 1 งาน 82 ตารางวา เป็นเงิน 2,673,000 บาท

บ้านหลังที่ 5 เป็นบ้านพักตากอากาศที่พัทยา เนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 44 ตารางวา ตารางวาละ 800 บาท เป็นเงิน 1,155,200 บาท ซึ่งมีสิ่งปลูกสร้าง อาทิ ตึกใหญ่ 2,800,000 บาท อาคารที่พักอาศัย 189,000 บาท ศาลาริมทะเล 70,000 บาท หาดอู่ทองหัวหิน เนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 88 ตารางวา หรือ 788 ตารางวา ตารางวาละ 500 บาท เป็นเงิน 394,000 บาท

บ้านหลังที่ 6 เป็นบ้านเกิดจอมพลถนอม ที่พันเอกณรงค์เล่าว่า อยู่อาศัยมาตั้งแต่แบเบาะ คือบ้านเมืองตาก ตำบลหนองหลวง อำเภอเมือง จังหวัดตาก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของจอมพลถนอม ราคา 120,000 บาท

บ้านหลังที่ 7 รวมที่ดิน อยู่ที่บ้านหัวแหลม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ที่ดินอีกหลายแปลง ก็ถูกยึด-อายัด ประกอบด้วย ที่ดินดอนเมือง เนื้อที่ 54 ไร่ 1 งาน 96 ตารางวา ราคาไร่ละ 50,000 บาท รวม 2,724,500 บาท ที่ดินซอยอุดมสุข เนื้อที่ 265 ตารางวา ตารางวาละ 2,500 บาท เป็นเงิน 1,325,000 บาท ที่ดินชะอำ เนื้อที่ 42 ไร่ 2 งาน 4 ตารางวา รวม 850,000 บาท

ทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ถูกตีตราเป็นของแผ่นดิน

ทรัพย์สินอื่น ๆ ที่คณะกรรมการยึดทรัพย์ เรียบเรียงไว้ อาทิ ทีวีสียี่ห้อ METZ 24 นิ้ว ราคา 28,000 บาท พระพุทธรูปปางลีลา สูง 36 นิ้ว 1 องค์ ราคา 400,000 บาท พระพุทธรูปปางสะดุ้งมารสัมฤทธิ์ หน้าตัก 22 นิ้ว 1 องค์ ราคา 200,000 บาท และของตกแต่งภายในบ้าน อาทิ โต๊ะไม้ประดับมุก ต่อ 3 ท่อน 1 ตัว 80,000 บาท

รถยนต์ที่มีในบัญชี 8 คัน อาทิ รถเบนท์ลีย์ ทะเบียน กทม. ฆ 9555 รุ่นบี 69 ราคา 800,000 บาท

หุ้นของจอมพลถนอมและคุณหญิงจงกล

เมื่อ 50 ปีก่อน จอมพลถนอมและภรรยา ครอบครองหุ้นของธนาคารไว้ เช่น หุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด สหธนาคารกรุงเทพ จำกัด หุ้นบริษัทชลประทานซีเมนต์ รวมกว่า 12,000 หุ้น และหุ้นของคุณหญิงจงกล 407 หุ้น

คณะกรรมการยึดทรัพย์ระบุว่า มูลค่าทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นในห้างหุ้นส่วนและบริษัทหลายแห่ง ที่ได้รับการปันผล โบนัสกรรมการ เบี้ยประชุมกรรมการ รวมถึงเงินฝากในธนาคารประเภทกระแสรายวัน ออมทรัพย์ และฝากประจำ ที่จอมพลถนอมและคุณหญิงจงกล มีอยู่ประมาณ 84,905,489.86 บาท

ได้คืน-ครอบครองใหม่บางส่วน

ต่อมาหลังจากปี 2519 ครอบครัว “กิตติขจร” ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการที่มี พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สิทธิสุนทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ให้พิจารณาคืนทรัพย์สินให้จอมพลถนอม และได้คืนมา 5 รายการ ประกอบด้วย

  • ที่ดินแขวงลาดยาว เขตดุสิต เนื้อที่ 2 ไร่ 16 ตารางวา แต่ไม่รวมอาคารสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน
  • ที่ดิน จ.พระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 33 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา
  • เบี้ยกรรมการบริหาร ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 7,000 บาท
  • เงินโบนัส องค์การเชื้อเพลิง 120,000 บาท
  • รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ก.ท.ก.4919
  • เงินฝากตามบัญชีของพันตรีหลวงจบ กระบวนยุทธ ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด จำนวน 2 ใน 3 เป็นเงิน 137,819.79 บาท

พันเอกณรงค์ ปัจจุบันย่างเข้าสู่วัย 90 ปี (เกิด 21 ตุลาคม 2476) เคยให้สัมภาษณ์เรื่องเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ไว้หลายอย่าง รวมทั้ง 50 ปี ที่เขาและครอบครัวพยายามขอคืนทรัพย์สิน จนเขารู้สึกหมดหวัง

“ผมไม่หวังแล้วนะ ตั้งกรรมการสอบสวนตั้งแต่ก่อนสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี พอมา พล.อ.เปรม ก็ตั้งกรรมการ กรรมการเขาลงมติให้คืน ก็ไม่คืน เขาก็เก็บหลักฐานต่าง ๆ ที่สำนักนายกฯ ไม่มีใครกล้าแตะต้อง กลัวคนฮือขึ้นมาอีก…ยึด หากต้องคืนทรัพย์สินที่ถูกรัฐบาลยึดต้องออกเป็นกฎหมาย ต้องเข้าสภาผู้แทนฯ เรื่องใหญ่ ทีนี้รัฐบาลไหนเขาจะตั้งเรื่อง มันไม่ใช่เรื่องของเขา”

เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ผ่านมาแล้ว 50 ปี แต่ชีวิตและทรัพย์สิน-มรดก ของจอมพลถนอม และทายาท ยังถูกยึด-อายัด ตีตราเป็นของแผ่นดิน แทบไม่มีรัฐบาลไหนกล้าแตะต้อง

รวมทรัพย์สิน มรดกประยุทธ์ นายกฯ 9 ปี เปิดเผยครั้งเดียว