เศรษฐา ขอแจกเงิน 10,000 บาท งวดเดียว หานิยามคนรวยคือใคร

เศรษฐา ทวีสิน

“เศรษฐา” น้อมรับฟังคำแนะนำผู้ว่าการ ธปท. ยังไม่กำหนดวันถกบอร์ดใหญ่แจกเงินดิจิทัล เตรียมหานิยามคำว่าคนรวย

วันที่ 25 ตุลาคม 2566 ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมพิจารณาข้อสรุปการแจกเงิน 10,000 บาท โครงการดิจิทัลวอลเลต จะประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่เมื่อไหร่ ว่า ยังไม่ทราบ ต้องถาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง

เมื่อถามว่า ได้มีการกำหนดไทม์ไลน์ไว้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้บอกว่ากลับจากต่างประเทศแล้วจะมีการพิจารณา นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ได้มีการคุยเบื้องต้น โดยทีมงานได้คุยกับทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจะหาวิธีการปรับแต่งเติมตามที่ทุกภาคส่วนได้มีคำเสนอให้มา ซึ่งตนต้องขอเจอก่อน

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะมีการปรับเงื่อนไขและต้องอธิบายให้ได้ ในส่วนที่บอกว่าคนรวยไม่ควรจะต้องได้รับเงินตรงนี้ นายเศรษฐากล่าวว่า “ก็คืออย่างนั้น ใครจะบอกว่าใครคือคนรวย และคนรวยคือใคร” เรื่องนี้ตนรับฟังอยู่แล้วว่าจะมีการปรับตรงนี้ ก็กำลังจะหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุก ๆ ฝ่ายว่า คำว่าคนรวยคืออะไร และน้อมรับคำแนะนำของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่แล้ว ว่าควรที่จะเจาะจงมากขึ้น บางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อนก็อาจจะไม่ต้องรับตรงนี้ ต้องรับฟังความเห็น

เมื่อถามว่า สามารถเอาฐานข้อมูลของแอปพลิเคชั่นเป๋าตังเดิมนำมาใช้ได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ได้ครับ ได้อยู่แล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่าจะไม่กู้เงินใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ตามที่บอกไป เมื่อถามว่าข้อเสนอที่อยากให้รัฐบาลทบทวนเรื่องการจ่าย เป็น 3 งวด ดีกว่าจ่ายงวดเดียว ตรงนี้จะนำมาพิจารณาหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พิจารณาแล้ว แต่คงจะไม่เอา คงจ่ายรวดเดียว เพราะมันเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินใหญ่ จะได้ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริง

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีดรามาเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่ออกตัวในเรื่องนี้ เท่าที่ซาวเสียงในที่ประชุมมีความเห็นอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่มีใครมีปัญหานี่ครับ”

เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังหนุนกับนโยบายนี้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า หนุนครับ เมื่อถามว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเลต ถึงทางตันอาจจะขัดต่อกฎหมาย จังหวะนี้นายเศรษฐาได้มองหน้าผู้สื่อข่าวที่ถาม ด้วยสีหน้านิ่ง ๆ แต่ไม่ตอบคำถามใด ๆ เมื่อถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ครับ

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีหลายคนร้องเรียนองค์กรอิสระเรื่องนโยบายดังกล่าว คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นอุปสรรคในการบริหารประเทศหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ต้องชี้แจง องค์กรอิสระก็มีหน้าที่ ที่จะต้องทำหน้าที่ของเขา ตนก็มีหน้าที่ ที่จะต้องชี้แจง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียงติงก็มี ขณะที่นายกฯมั่นใจว่านโยบายดี จะทำอย่างไรให้เสียงของ นายกฯดังและประชาชนเข้าใจมากขึ้น นายเศรษฐากล่าวว่า มันไม่เกี่ยวกับดังกว่าหรือค่อยกว่า แต่ความจริงมันคืออะไร ซึ่งอย่างที่ตนกล่าวมาแล้ว 10 ปีที่ผ่านมาจีดีพีของประเทศไทยเติบโต เฉลี่ย 1.8% หนี้ครัวเรือนขึ้นจาก 76% มาเป็น 91% สูงสุดท็อปเทนของโลก ประเทศไทยต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตนก็ต้องเดินสายชี้แจง และต้องรับฟังข้อท้วงติง มีคนไปร้อง ตนก็ต้องชี้แจง

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีมีแผน 2 ในการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมไม่ได้มีแผนสอง แต่มีเป็น 10 แผนเลยครับ เคยกล่าวไปแล้วหลาย ๆ แผน คุณก็ฟังอยู่ก็รู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยกระดับเกษตรไทย เรื่องการบริหารจัดการน้ำ หลาย ๆ แผนมีเยอะ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูแนวโน้มอาจจะเลื่อนจาก 1 ก.พ. 67 ไปอีก นายเศรษฐากล่าวว่า ก็กำลังดูอยู่ เมื่อถามว่าจะทันสงกรานต์นี้หรือไม่ หรือไปไตรมาสแรกนี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า จะพยายามทำให้เร็วที่สุด เมื่อถามว่าในเรื่องของเม็ดเงินที่จะนำมาใช้จะใช้วิธีการออกพระราชกำหนดหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เดี๋ยวขอประชุมก่อน เพราะคำถามนี้มาเยอะเหลือเกิน ถ้าพูดไปเดี๋ยวจะเกิดความสับสนอีก