ธนาธร-ปิยบุตร เผยข่าวดี กกต.รับจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้ว เรียกร้อง คสช.อนุญาตให้ประชุมพรรค 27 พ.ค

เมื่อวันที่ 20 เมษายน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ออกหนังสือรับแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง(แบบ พ.ก.7/2) ให้เป็นพรรคการเมืองแก่พรรคอนาคตใหม่ โดยนายปิยบุตรกล่าวว่า ถือว่าเป็นข่าวดีข่าวแรก ตั้งแต่ที่กลุ่มอนาคตใหม่ได้เริ่มก่อตั้งมา ซึ่งก็เป็นไปตามขั้นตอนที่ได้ดำเนินการ ขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายพรรคการเมืองจะต้องจัดการประชุมครั้งที่ 1 เพื่อรวบรวมสมาชิกให้ได้ไม่น้อยกว่า 500 คน และระดมเงินทุนตั้งต้น 1 ล้านบาท พร้อมทั้งเลือกหัวหน้า เลขาธิการ กรรมการบริหาร เหรัญญิก นายทะเบียนพรรค และโหวตข้อบังคับ อุดมการณ์ของพรรค ก่อนจะนำเสนอให้ กกต. เพื่อการจัดตั้งพรรคให้เสร็จสิ้นเต็มรูปแบบ ขณะนี้ยังมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองอยู่ ซึ่งพี่น้องอนาคตใหม่ทั้งหลายที่อยากจะมาเข้าร่วมสมาชิกพรรค หรืออยากเข้ามามีบทบาท เข้ามาบริจาค ก็ยังไม่สามารถทำได้เพราะ คสช.ยังไม่อนุญาตให้ประชุมพรรค ยังคงติดล็อกอยู่ ต้องรอให้ คสช.อนุญาตก่อน

เมื่อถามว่า คิดว่ากระบวนการจัดตั้งพรรคหลังจากนี้จะราบรื่นหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาหรือกฎหมายที่ทำให้สะดุด การตั้งพรรคการเมืองเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ซึ่งมี กกต.ทำหน้าที่ในการตรวจเอกสาร ตรวจชื่อ ตรวจข้อบังคับไม่ให้ผิดข้อกฎหมาย ดังนั้นที่คนบอกว่าพรรคจะโดนยุบนั้น ไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นปัญหา เพราะหากพรรคเกิดขึ้นแล้วไปทำผิดกฎหมายก็ค่อยว่ากัน แต่พรรคนี้ยังเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะติดคำสั่ง คสช.ที่ห้ามประชุมพรรคและต้องขออนุญาตเป็นรายไป ซึ่งทางพรรคได้ยื่นเรื่องไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว

“ถามว่าจะมีอุปสรรคไหม คำตอบก็คือว่ากฎหมายเขาเขียนว่าตั้งแต่วันที่คุณไปจดแจ้ง 15 มีนาคม ผ่านไป 180 วัน หรือ 6 เดือน ถ้าพรรคยังก่อรูปเป็นพรรคจริงไม่สำเร็จ สลายหมด คือ มันไม่ใช่การยุบพรรค แต่มันไม่มีพรรคเกิดเลย เพราะคุณทำไม่ทันภายใน 180 วัน ปัญหาคือเวลานี้ผ่านมาแล้ว 1 เดือนเศษๆ เรามีเวลาอีก 4 เดือนเศษๆ ที่จะต้องก่อรูปพรรคนี้ให้สำเร็จ ถ้าเราขออนุญาตจาก คสช.ให้ประชุมพรรค มันเลยเป็นปัญหางูกินหางแบบนี้ ดังนั้น เหลือทางเดียวคือ คสช.ควรให้เราประชุมพรรค แล้ววันที่ 27 พฤษภาคม จะประชุมพรรคครั้งที่ 1 ก็จะรวบรวมรายชื่อ หัวหน้า คณะกรรมการ เลขาฯ และรายละเอียดต่างๆ แจ้งให้ กกต. จากนั้นก็จะเป็นพรรคอย่างสมบูรณ์แบบในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเชื่อว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ คสช.จะปฏิเสธ เพราะได้อนุญาตไปหลายพรรคแล้ว พรรคเราจึงไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งในส่วนนี้เราได้วางกำหนดการไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงจัดสถานที่ประชุมไว้แล้ว เพราะมีการระบุไว้ว่าให้บอกรายละเอียดว่าหากจะประชุมพรรคจะจัดที่ใด ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องการประชุมครั้งที่ 1 เท่านั้น แต่เวลาที่บีบรัด 180 วัน ขณะนี้เหลือเพียง 4 เดือนกว่าที่เราต้องหาสมาชิกและรวมเงินให้ครบ จากนั้นต้องนับไปถึงขั้นตอนการหาเสียง รวมถึงกติกาและขั้นตอนอื่นๆ มากมาย ในเมื่อ คสช.พูดมาตลอดว่าจะสนับสนุนให้การเมืองเปลี่ยนแปลง ให้มีพรรคการเมืองใหม่และคนหน้าใหม่ๆ เข้ามาเล่น จึงไม่ควรมีอะไรมาขัดขวาง เพราะพรรคการเมืองใหม่ที่เข้ามาคงไม่ใช่แค่พรรคที่สนับสนุน คสช.เท่านั้น”

เมื่อถามว่า จากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ที่กำหนดให้พรรคการเมืองเก่าต้องทำการยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคภายใน 30 วัน ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเพิ่มภาระให้พรรคการเมืองเก่า นายปิยบุตรกล่าวว่า ครั้งที่แล้ว ที่เราเคยยื่นหนังสือท้วง คสช.ว่าทำไมไม่ตอบมาเสียที ก็ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ คสช.ยกเลิกคำสั่งทั้งหลาย หรือเป็นการปลดล็อกคำสั่งทั้งหมด เพื่อให้พรรคการเมืองเดินหน้าได้ รวมถึงยุติคดีทั้งหมด เพราะในเมื่อจะเข้าสู่โรดแมปการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ก็ต้องสร้างบรรยากาศที่ดีให้กลับไปสู่ประชาธิปไตยให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะเข้าไปเป็นแบบเดิมในช่วงการทำประชามติ เพราะรณรงค์ไม่ได้ ใครรณรงค์โดนจับ จนวันนี้บางคดียังไม่สิ้นสุด จึงอยากเรียกร้องให้ยกเลิกประกาศและคำสั่ง คสช.ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการพรรคการเมือง และยกเลิกประกาศและคำสั่งที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้สิทธิเสรีภาพทางการเมืองของประชาชน รวมถึงยุติการดำเนินคดีประชาชนที่เรียกร้องต่อการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า ขณะนี้เริ่มมีการดึงนักการเมืองจากกลุ่มต่างๆ เข้าไปดำรงตำแหน่งในรัฐบาล เช่น นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล สะท้อนความชัดเจนว่าจะมีการร่วมงานกันในรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าซึ่งอาจเป็นพรรคทหารหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี สนับสนุนให้นักการเมืองทุกคนที่สนับสนุน คสช. เข้ามามีส่วนร่วมให้เกิดความชัดเจน ประชาชนก็จะไม่สับสนว่าใครฝักใฝ่ระบบ คสช. ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น และนักการเมืองคนไหนฝักใฝ่ประชาธิปไตย ประชาชนจะได้ชัดเจน ประวัติศาสตร์จะได้บันทึกไว้ว่าใครเลือกข้างไหน จึงเป็นสิ่งที่ดี และอยากเห็นความชัดเจนมากกว่านี้

ขณะที่นายปิยบุตรกล่าวเสริมว่า ถ้าจะให้มากกว่านี้ในอนาคตอาจต้องประกาศชัดเจนว่า แต่ละพรรคจะเอานายกฯคนนอกหรือไม่ ซึ่งหลังๆ เริ่มมีการพูดคุยว่า หากมาอยู่ในบัญชี 1 ใน 3 รายชื่อ ถือเป็นนายกฯคนใน ดังนั้นจึงควรเรียกร้องกันต่อไป ว่าพรรคแต่ละพรรคต้องประกาศให้ชัดว่าจะสืบทอดและสนับสนุนอำนาจของ คสช.หรือไม่ เพราะเมื่อชัดเจนมาถึงขณะนี้แล้วก็ต้องเอาให้ชัดถึงที่สุด แต่พรรคของเรายืนยันว่า ไม่สนับสนุน ไม่มีแน่นอน

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์