![บช.น. ประกาศ ห้ามชุมนุม รอบรัฐสภา รัศมี 50 เมตร](https://www.prachachat.net/wp-content/uploads/2023/07/ข้อความในย่อหน้าของคุณ-2023-07-12T105513.656-728x546.jpg)
การเมืองไทย ยัง “จัดแถว” กันไม่เสร็จ โดยเฉพาะพรรครัฐบาล
ที่ลงตัวและน่าจะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบในสถานการณ์ต่าง ๆ คือพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย
ส่วนพรรคอื่น ๆ ที่เหลือน่าจะมีปัญหาพอสมควร
ที่ผ่านมา จึงมีการตั้งพรรคใหม่ เตรียมรองรับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น
อย่างการเกิดขึ้นของ “พรรคกล้าธรรม” และล่าสุด คือ “พรรคโอกาสใหม่”
พรรคกล้าธรรม ที่แกนนำแยกตัวออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ น่าจะเดินต่อไปได้ไม่ยาก เพราะมีระดับรัฐมนตรีเป็นผู้นำพรรค มีฐาน สส.คับคั่ง เพียงแต่ยังติดข้อกฎหมาย ยังไม่พ้นจากพรรคเดิม
พรรคนี้มี “ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นหัวหน้าพรรค มีลูกพรรคสนับสนุนให้เป็นนายกฯ แต่เสียงสนับสนุนไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้สนับสนุนยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ขณะที่สมาชิกที่เป็น สส.เห็นว่า เมื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลแล้ว ก็น่าจะไปในทางเดียวกับรัฐบาลได้แล้ว
ส่วน “พรรคโอกาสใหม่” มีความสัมพันธ์กับ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่เกิดอาการรวน ๆ ในพรรค ส่งผลต่อสมาชิกหรือ สส.ในพรรค อาจจะมองหาพรรคที่รองรับตัวเองได้ พรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่ อาจจะเป็น “ทางออก”
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในพรรครัฐบาล ที่เกี่ยวพันกับการ “ลดบทบาท” ของผู้นำจากรัฐประหารที่กำลังถอยออกไปจากการเมือง
ขณะที่ในซีกฝ่ายค้านก็มีเรื่องมีราว จากข้อขัดแย้งในพรรคหนึ่ง เนื่องจาก สส.ในพรรค มีความใกล้ชิดกับพรรครัฐบาล แยกตัวออกไปเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับรัฐบาล
ขณะที่แกนนำพรรคดังกล่าวใกล้ชิดกับฝ่ายค้านมากกว่า การแสดงบทบาทของ สส.ในเชิงใกล้ชิดรัฐบาล จึงเป็นประเด็นร้อน
เป็นเรื่องเป็นราวมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะเมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะดึงกลุ่มนั้นกลุ่มนี้เข้ามา
ล่าสุด คณะกรรมการวินัยและจริยธรรมของพรรค เสนอคณะกรรมการบริหารพรรค ตรวจสอบการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในการเป็น สส.ของ สส.ดังกล่าว
เพื่อส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 และมาตรา 234 ต่อไป
เรียกว่า จะใช้ยาแรงเรื่อง “จริยธรรม” ที่กินความกว้างขวางมาก มาเล่นงานกันแล้ว
ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นดังกล่าวมาทั้งหมด เป็นผลจากรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ออกแบบการเมืองเอาไว้แบบนี้
ปัญหาของการเมืองของไทยมาจาก “กฎกติกา” ที่ยกร่างโดยกลุ่มคนที่ไม่นิยมในระบบเลือกตั้ง ไม่นิยมระบอบรัฐสภา
จึงมักมีปัญหาขาด ๆ ล้น ๆ เกิน ๆ จากกฎกติกาเสมอ
เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข ด้วยการ ยกร่างกติกากันใหม่ ภายใต้ระบบที่ประชาชนมีส่วนร่วม
ไม่อย่างนั้น จะเกิดอาการเดินหน้า 1 ก้าว ถอยหลัง 2 ก้าว และเกิดความไม่นิ่งทางการเมือง
ไม่เป็นประโยชน์กับใคร ยกเว้นพวกที่หากินกับความไม่นิ่ง ไม่แน่นอนของการเมือง