ครม.ไฟเขียวการยาสูบกู้เงินแสริมสภาพคล่อง 1.5 พันล้านบาท หลังรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 1,500 ล้านบาท ในรูป Credit Line โดยวิธีเบิกเกินบัญชี (Bank Overdraft : OD) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note : P/N) กับธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมที่สุด เพื่อสำรองไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเสริมสภาพคล่องในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ทั้งนี้ วงเงินกู้ดังกล่าว อยู่ภายใต้กรอบแผนสำหรับการก่อหนี้ของ ยสท. วงเงิน 3,000 ล้านบาท ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562

นายณัฐพรกล่าวว่า กระทรวงการคลังเสนอการขออนุมัติเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ประจำปีงบประมาณ 2562 ของกง ยสท. โดยเปิดวงเงินกู้ระยะสั้นในรูป Credit Line จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยวิธีเบิกเกินบัญชี (Bank Overdraft : OD) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note : P/N) เพื่อบริหารความเสี่ยงและเสริมสภาพคล่องเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในองค์กร เช่น ค่าแสตมป์ยาสูบและภาระภาษีต่าง ๆ (ภาษีเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ) ค่าซื้อใบยาและวัตถุดิบในการผลิตบุหรี่ รวมถึงเงินลงทุนตามแผนงานในโครงการโรงงานผลิตยาสูบโรจนะ โดยคณะกรรมการยาสูบแห่งประเทศไทยพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย และวงเงินกู้ดังกล่าวได้บรรจุในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562 ด้วยแล้ว ทั้งนี้ การดำเนินการขออนุมัติเงินกู้ดังกล่าวอยู่ภายใต้สมมติฐาน ดังนี้

1. รายได้จากการจำหน่ายยาสูบของปีงบประมาณ 2562 ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่จำนวน 18,817 ล้านมวน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตภายหลังที่พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2560 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสาธารณสุขของรัฐบาลที่ต้องการจะลดการบริโภคยาสูบของประชาชนในประเทศ และ ยสท. ได้ปรับราคาบุหรี่ขึ้นตามกฎหมายใหม่ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายบุหรี่ของ ยสท. ลดลง

2. ค่าใช้จ่ายในการรับซื้อใบยาสูบสูงกว่าที่ประมาณการไว้จำนวน 1,189.10 ล้านบาท เนื่องจาก ยสท. อาจมีความจำเป็นต้องช่วยเหลือเกษตรกรโดยรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบในส่วนที่เกินกว่าความต้องการจริงในการผลิตหรือเกินกว่าโควตาที่เคยได้ให้ไว้