พีระพันธุ์ : กบฏประชาธิปัตย์ กุนซือประยุทธ์-คุมเกมแก้รัฐธรรมนูญ

สัมภาษณ์พิเศษ

โดย ปิยะ สารสุวรรณ

เส้นทางขาใหญ่-บิ๊กเนมประชาธิปัตย์หลังยุคพรรคต่ำร้อย เลือดไหลไม่หยุด แต่มาจอดป้ายทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์-พรรคพลังประชารัฐ “ประชาชาติธุรกิจ” สนทนาพิเศษ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ควบประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทิ้งเก้าอี้ ส.ส. และต้นสังกัดเก่าแก่ที่อยู่มากว่า 23 ปี

Q : เหตุผลที่ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์ (ส.ส.) มาช่วยงานพล.อ.ประยุทธ์

ทำงานการเมืองมา 30 ปี ตำแหน่งเป็นเพียงหัวโขน ไม่ว่าทำงานในตำแหน่งใด จะทำเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่เคยคิดถึงประโยชน์ส่วนตัว ท่านนายกฯให้มาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ปิดช่องโหว่สัญญาสัมปทานโครงการของรัฐ ไม่ให้เกิดค่าโง่

Q : เลวร้ายที่สุดกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปีཻ จะส่งผลอย่างไร

ส่วนตัวคิดว่ามาตราที่เกี่ยวข้องมีปัญหา อาจจะทำให้ต้องมาโหวตใหม่ หรือผลการลงมติของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย เป็นโมฆะ หายไป 1 คะแนน สุดท้ายขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญ

ส่วนที่มีการเทียบเคียงกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน เป็นโมฆะนั้น แต่ละคดีมีข้อเท็จจริง พยานและหลักฐานแตกต่างกัน มูลคดีอาจจะคล้ายกัน แต่ไม่ได้แปลว่าผลจะออกมาเหมือนกันเสมอไป ความเหมือนกัน คือ กดบัตรแทนกัน แต่รายละเอียดอื่นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

Q : ถูกส่งมาคุมเกมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ผมไม่รู้ว่าได้รับตำแหน่งนี้ (ประธาน กมธ.) ได้อย่างไร เข้าใจว่าวิปรัฐบาลเป็นผู้เสนอ วันที่ไปรายงานตัวกับท่านนายกฯ ท่านก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ จนถึงวันนี้ท่านไม่เคยมาพูดกับผมว่า ความคิดของท่านเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร

ตอบได้เต็มปากงานที่ทำในตำแหน่งประธาน กมธ. ไม่ได้รับคำสั่งจากใคร ไม่มีใครมาสั่งผม ถ้าผมเป็นอย่างนั้น คงไม่สามารถบริหารจัดการการทำงานของ กมธ.ได้ราบรื่น การทำงานในทุก กมธ.ไม่มีใครเห็นตรงกันทั้งหมด ผมต้องฟัง ไม่ใช่ชี้นำ เปิดโอกาสให้ทุกคนทำงานเต็มที่ ประธานแสดงความเห็นคนสุดท้าย ต้องเป็นธรรม เป็นกลาง

Q : ใน กมธ.มีทั้งฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล ทั้งฝ่ายอยากแก้-ไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ

ในทรรศนะของผม ประชาธิปไตยไม่ใช่มานั่งคิดว่าเราเห็นอะไร เราอยากทำอะไร หรือเรามีสิทธิอะไร แต่ประชาธิปไตย คือ การหัดรับฟังคนอื่นบ้าง คิดถึงคนอื่นบ้าง ไม่มีใครเห็นด้วยทั้งหมด 100% บางคนที่มาแล้วคิดว่า ต้องแก้ๆ บางคนมาแล้วคิดว่า ไม่ต้องแก้ ถ้าทุกคนเปิดใจกว้าง เอาประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนนำหน้า บางเรื่องอาจจำเป็นต้องแก้ บางเรื่องที่คิดว่าต้องแก้ อาจจะไม่ต้องแก้ก็ได้

Q : ทำอย่างไรให้ กมธ. 49 คน เห็นว่าแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่เพื่อนักการเมือง

ควรทำงานโดยเอาประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง พูดเรื่องเกี่ยวกับประชาชนมาก ๆ ทำอย่างไรให้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือให้ประชาชนอยู่ดี กินดี ประเทศเดินหน้าได้ สิทธิเสรีภาพได้รับการเคารพ ส่วนเรื่องการเมือง เช่น ระบบการเลือกตั้ง เป็นเรื่องของการแก้ไขกฎหมายลูก ส่วนภาพใหญ่ในรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องของการเมืองเพียงอย่างเดียว

Q : จะนำไปสู่การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ทั้งฉบับ หรือแก้รายมาตรา

ไม่ได้ตั้งต้นว่าต้องแก้ทั้งฉบับ หรือแก้รายมาตรา เพราะ กมธ.ยังไม่ตกผลึกว่าจะแก้ไขประเด็นใด ถ้ามาถึงแล้วต้องการแก้ ๆ เป็นเรื่องของอัตตา…ไม่ได้ ต้องมีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ กมธ.ชุดนี้ไม่ใช่ กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเพียงแค่ศึกษาทางวิชาการว่า มีเหตุที่ต้องแก้หรือไม่ ผลแก้อะไรบ้าง และควรจะแก้อย่างไร เพื่อเสนอรายงานต่อรัฐสภา และรัฐบาล

Q : หมวกที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทำให้มีภาพว่ามีธงที่จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ

ผมไม่ติดใจ ผมถูกครอบครัวเลี้ยงมาให้ทำตัวให้ดี ไม่ต้องสนใจคนอื่น เพราะไม่สามารถห้ามคนอื่นคิด คนอื่นพูด แต่ธรรมชาติของผม ผมไม่เคยรับคำสั่งใคร ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต้องสั่ง ผมทำเอง แต่ถ้าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สั่งให้ตายผมก็ไม่ทำยืนยันว่าไม่มีใครมาสั่ง ถ้าสั่งก็สั่งไม่ได้ ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ถูกต้อง ถ้าผมทำให้เกิดความรู้สึกตรงกันข้าม ผมคงทำงานร่วมกับ กมธ.ไม่ได้ คงตีกันตายไปหมดแล้ว

Q : ในอนาคตจะไปเป็น กมธ.ตัวจริงที่ไม่ใช่แค่ชุดศึกษาหรือไม่

คงตอบไม่ได้ เพราะถ้าศึกษาแล้วไม่ผ่าน สภาไม่เห็นชอบก็จบ ถ้าเห็นชอบก็เสนอไปที่รัฐบาล

Q : ถ้าสภาไม่รับ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไปต่ออย่างไร

สภาถือเป็นจุดเริ่มต้น ผลออกได้ทั้งซ้าย-ขวา เมื่อทำงานเสร็จ โดยยึดประโยชน์ประเทศชาตินำหน้าการเมือง สามารถอธิบายได้ว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไร ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่สภาจะไม่รับ ผมคิดว่าโอกาสรับมากกว่าไม่รับ

Q : ผลการศึกษาของ กมธ.จะผูกมัดให้รัฐบาลต้องทำตามหรือไม่

ไม่เป็น เพราะ กมธ.ชุดนี้ไม่ได้ต่างจาก กมธ.ชุดอื่น รัฐบาลอาจจะเห็นชอบบางส่วน ไม่เห็นชอบบางส่วน หรือเห็นชอบทั้งหมด ไม่เห็นชอบทั้งหมดก็ได้

Q : ถ้ารัฐบาลไม่ทำตาม หรือทำตามบางส่วน ผลทางการเมืองคืออะไร

ในกรณีอื่นทั่วไป ไม่มีผลกระทบ แต่กรณีนี้ต่างออกไป เพราะเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน การขยับหรือการตัดสินใจของรัฐบาล ถ้าไม่รอบคอบเพียงพออาจมีผลกระทบได้

ถ้าเน้นประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมืองว่าได้อะไรจากรัฐธรรมนูญ ในแง่ของสิทธิเสรีภาพและความมั่นคงในชีวิตประชาชนนำหน้า ใครก็ปฏิเสธยาก มีโอกาสที่รัฐบาลจะเห็นด้วย แต่ถ้าเอาเรื่องการเมืองนำหน้า โอกาสพลิกผันก็สูง

Q : เปรียบเป็นหนังม้วนยาว

ชื่อก็บอกแล้วว่า ยังไม่แก้ เป็นเพียงศึกษา ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็ตอนที่ 1 เหมือนเรื่องสตาร์ วอร์ส แต่ถ้าสำรวจแล้วคนยังอยากดูอยู่ เขาก็มีตอนที่ 2 ตอนที่ 3 สิ่งที่คนอยากดูหนังเรื่องนี้ไม่อยากดูเรื่องของคนอื่น แต่อยากดูเรื่องของตัวเอง ฉันได้อะไร ประชาชน คือ คนดู ไม่ใช่ประชาชนที่อินกับการเมือง

Q : อยากให้ตอนที่ 1 จบอย่างไร

อยากให้จบแบบ happy ending ทุกฝ่ายมีความสุขและได้ประโยชน์ โดยประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง

Q : ฟางเส้นสุดท้ายของการตัดสินใจลาออกจากประชาธิปัตย์

ขออนุญาตไม่พูด เป็นเรื่องส่วนตัวภายในของเรา ตอนลาออกคิดเพียงแต่ว่า เราอยู่ไม่ได้แล้ว ใจมันอยู่ไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้อยากออกจาก ส.ส. เพราะทำมานาน 30 ปี แต่ไม่มีทางเลือก เมื่อทำใจได้แล้ว เราก็ออก ผมลาออกมาได้ 1-2 วัน ผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง ไม่ใช่คนของรัฐบาล โทร.มาสอบถามว่า ถ้าผมออกมาแล้วไม่ได้ทำอะไร ก็มาช่วยงานรัฐบาลหน่อยได้ไหม ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง โดยยังไม่ได้บอกว่าจะให้เข้ามารับตำแหน่งใด

Q : ในอนาคตจะไปเป็นรัฐมนตรีในฝ่ายบริหารหรือไม่

อย่าไปคิด ไม่ได้คิดว่าออกมาแล้วจะไปอยู่ที่ไหน ไปทำอะไร ชีวิตผมก็เป็นอย่างนี้ ที่ตั้งใจไม่ได้ทำสักอย่าง อยู่ดี ๆ ก็ลอยมา วันนี้ทำให้ดีที่สุด มาเพื่อทำงาน ไม่ได้คิดว่ามาเพื่อก้าวต่อไป

Q : จากนักการเมืองที่มีสังกัด มาเป็นนักการเมืองอิสระแตกต่างกันอย่างไร

ไม่แตกต่าง เพราะผมไม่เคยมีสังกัด สังกัดในที่นี้ หมายถึง อยู่กับใคร ผมอยู่ประชาธิปัตย์ ผมก็ทำงานเพื่อประเทศชาติ บ้านเมืองเป็นสำคัญ วันนี้ผมไม่ได้อยู่พรรคการเมืองไหน ผมก็ยังทำงานให้กับประเทศชาติ บ้านเมือง สำคัญเหมือนเดิม ผมสังกัดประเทศไทย อะไรเป็นประโยชน์ของประเทศ ผมสังกัดที่นั่น

Q : มาช่วยงานในรัฐบาลแล้ว อนาคตจะไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่

ต้องดูต่อไป ได้หารือถึงทิศทางการเมืองกับหลายพรรค วันนี้บ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก ไม่ใช่เพียงเทคโนโลยี แต่รวมถึงความคิดของประชาชน และความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อการเมือง ประชาชนเบื่อการเมืองที่เอาแต่ทะเลาะกัน พูดแต่เรื่องประโยชน์ของนักการเมือง สิ่งที่ประชาชนคาดหวัง คือ อยากให้มีพรรคการเมืองและนักการเมืองที่พูดปัญหาของเขา มากกว่าตกลง จะมี ส.ส.กี่คน ใครจะเป็นรัฐบาล ถ้าพรรคการเมืองไม่ปรับตัวไปในทิศทางนี้ เดินหน้าลำบาก การเมืองคือการระดมสมองคนเข้ามาทำงาน ไม่ใช่ระดมคนที่เป็นเซียนการเมือง วันนี้ถ้าเอาการเมืองนำหน้า คุณ fail เตรียมตัวถึงจุดจบ ถ้าไม่เปลี่ยนจะได้รับบทเรียนจากประชาชน

Q : มีพรรคการเมืองสเป็กที่ว่าหรือยัง

ยังไม่มี ถ้ามีผมยินดีที่จะไปทำงานด้วยกัน วันนี้อาจจะมี แต่ยังไม่เดินหน้าเต็มตัว เช่น พรรคของคุณกรณ์ จาติกวณิช ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐเขาก็อยากให้ไปในทิศทางนี้ และหลายพรรคเริ่มมอง ต่างกันที่ความเอาจริงเอาจัง

Q : จะลงเลือกตั้งหรือไม่ โดยเริ่มจากผู้ว่าฯ กทม.

ผมเป็นคนไม่กระหายตำแหน่ง ผมบ้าทำงาน ไม่มีตำแหน่ง ผมก็ทำงานได้ เพราะงานคือผลงานที่คุณฝากไว้ คนอยากรู้มากกว่าว่า คุณเคยเป็นอะไรมา การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่ได้สะท้อนว่าการเมืองใหญ่เป็นอย่างไร เพราะภารกิจของผู้ว่าฯ กทม.กับ ส.ส.คนละอย่างกัน เขาดูว่าคนไหนมีศักยภาพเป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้ดี คน กทม. concern เรื่องอะไรในวันนั้น เขาไม่ได้ดูว่า คนนี้อยู่กับรัฐบาลหรือไม่ เพราะอยู่กับรัฐบาลแต่ไม่มีประโยชน์กับ กทม. แต่ถ้าคนที่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้วสังกัดพรรคการเมือง จะสะท้อนไปถึงคะแนนนิยมของพรรคการเมืองนั้น ถ้าพลังประชารัฐได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะเกิดเอฟเฟ็กต์มาถึงพรรค ถ้าทำไม่ดี

Q : พลังประชารัฐชูแคมเปญ 1+4 จะเป็น 1 ในนั้นหรือไม่

ไม่ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่รู้ว่าพรรคพลังประชารัฐ จริงจังกับการปรับตัวหรือไม่

Q : ขอบันทึกความสัมพันธ์กับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก

ผมกับแดงเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่เด็ก เรารักกันแบบเป็นเพื่อนกันมา ผมอยู่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลมาด้วยกัน เห็นกันมาตั้งแต่นุ่งขาสั้น ตั้งแต่เป็นเด็ก ๆ ไม่มีอนาคตว่าต่อไปใครเป็นอะไร


ไม่ได้คบกันมาเพราะรู้ว่าเขาจะมาเป็น ผบ.ทบ. ไม่ได้คบกันมาเพราะว่าผมจะเข้ามาเป็นนักการเมือง คบกันมาแบบเด็ก ๆ เพื่อน พี่น้อง ทุกวันนี้คบกันไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกัน เพราะผมกับเขาไม่ได้คบกันเพื่อการเมืองผมคบกันเพราะเป็นพี่น้อง คุยกันเฉพาะเรื่องพี่น้อง ไม่เคยคุยเรื่องการเมือง