ญัตติ 7 ฝ่ายค้านถล่ม “ประยุทธ์” ล้มเหลว-สร้างปัญหา-ไม่ควรอยู่ต่อ

ฝ่ายค้าน 7 พรรค นัดยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2/1 ก่อนสิ้นเดือน ม.ค. 2563 ปักหลักอภิปรายกัน กลางเดือน ก.พ. ทั้งนี้ ตามปฏิทิน หลังจากยื่นญัตติซักฟอกต่อ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร จากนั้นไม่เกิน 1 สัปดาห์ ประธานสภาจะบรรจุวาระการประชุม

นับต่อไปไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะถึงคิวเปิดม่านซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจ

เปิดศึกซักฟอกครั้งแรกในรอบ 7 ปี “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ เพื่อไทย ล็อกเสนาบดีซักฟอก 5 คน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ หัวหอกเศรษฐกิจ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” รมว.การต่างประเทศ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา

ย้ำคำเดิมเป้าหลักอยู่ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล นอกจากพุ่งเป้าไปที่การขายที่ดินของบิดาย่านบางบอน ซอย 3 มูลค่า 600 ล้านบาท ไปให้เครือข่ายคนใกล้ชิด เจริญ สิริวัฒนภักดี รวมถึงความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการที่รัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กับเจ้าสัวคนดัง

ยังรวมถึงเรื่องเก่าเอามาฉายซ้ำ ทั้งการไม่เคารพรัฐธรรมนูญ-ประชาธิปไตย การถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ การบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง แก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน-วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ 2 อาวุโส ผู้เฒ่าในฝ่ายค้านขอลับมีดถล่มนายกฯ

Advertisment

“ภูมิธรรม เวชยชัย” ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน หนึ่งในคีย์แมนคุมเกมเบื้องหลังศึกซักฟอก บอกถึงแนวการซักฟอกว่า ยุทธศาสตร์การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ได้เริ่มต้นจากการชอบใคร ไม่ชอบใคร แต่อภิปรายในองค์รวม ฝ่ายรัฐบาลตั้งแต่เข้ามา บริหารมีจุดบกพร่องอะไรบ้าง การบริหารราชการแผ่นดินไม่ประสบความสำเร็จ ล้มเหลว สร้างปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม

“การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก่อให้เกิดผลกระทบหลายเรื่อง นำไปสู่การคอร์รัปชั่น ถ้าสรุปและประมวลได้ก็สามารถพุ่งเป้าไปได้”

Advertisment

ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่น ๆ ที่ถูกอภิปราย ในรายของ “สมคิด” จะถูกซักฟอกด้วยการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ถูกจุด ตรงล็อกไม่เข้าเป้า โดยเฉพาะสารพัดโครงการประชารัฐ ที่ฝ่ายค้านมองว่า “แจกเงินเจ้าสัวผ่านมือคนจน” งานนี้ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ แจ้งฝ่ายค้านว่าขอนำอภิปราย

รายต่อมาที่เพื่อไทยตั้งป้อมถล่ม เป็นแพ็กเกจ คือ “วิษณุ” เกจิกฎหมายรัฐบาล กับ “ดอน” รมว.การต่างประเทศ เพื่อไทยล็อกเป้าไปที่ปมอื้อฉาว “บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส” ตามที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องดำเนินคดี 2 คดี 1.การนำเข้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์ รวมราคาบุหรี่และค่าอากร 20,210,209,582.50 บาท

2.การเข้าไปล้วงลูกการดำเนินคดีของอัยการ เพื่อบรรเทาค่าเสียหายให้บริษัท “ฟิลลิป มอร์ริส” ถูกกล่าวหา หลบเลี่ยงการเสียภาษีนำบุหรี่เข้ามาในประเทศกว่า 6.8 หมื่นล้าน

รายสุดท้ายในเพื่อไทย คือ “พล.อ.อนุพงษ์” พุ่งเป้าไปที่ปม “ขยะ”การนำเข้าขยะจากต่างประเทศ โยงกับนักลงทุนจีนที่ได้รับอนุญาตให้ผู้ประกอบการเพียง 2 ราย ที่ได้รับอนุญาตนำเข้าขยะ โรงไฟฟ้าขยะ-โรงกำจัดขยะ บานปลายเป็นข่าวในยุค คสช. ซึ่ง เพื่อไทย อนาคตใหม่ ที่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เป็นแกนนำร่วมซักฟอก

หมดโควตา “เพื่อไทย” มาถึงคนที่พรรคร่วมรัฐบาลขอจองกฐิน หนีไม่พ้นชื่อ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีสายล่อฟ้า พลังประชารัฐ จากข้อหาคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับการเป็นรัฐมนตรี “จริยธรรม” เพราะมีคดีค้างเก่าจากที่เคยถูกจองจำในต่างแดน “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย จองชื่อไว้

แต่เหตุที่ไร้ชื่อ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในโควตาเพื่อไทยนั้น ข้อกล่าวหาของ “พล.อ.ประวิตร” ทั้งกรณี “แหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน” ได้ข้อยุติไปแล้ว ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 5 ต่อ 3 ให้ยกคำร้อง-ยุติเรื่อง หากอภิปรายอาจเข้าทางฝ่ายรัฐบาล ที่จะยกมือสวนขึ้นมาทันที ยืนยันตามคำพูดของ “ร.ต.อ.เฉลิม” ขู่ฝ่ายเดียวกันเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่า “คนอภิปรายต้องรับผิดชอบตัวเอง อาจจะมีความผิดติดคุกกันได้”

ด้าน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ วางกรอบอภิปรายด้านเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม ประเด็นที่อาจจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่น

“ขอให้ประชาชนช่วยกันร่วมตรวจสอบสิ่งที่ฝ่ายค้านได้นำเสนอ ถ้าเปิดใจกว้างรับฟังอย่างไม่มีอคติก็จะรู้ว่า เราไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลประยุทธ์ได้บริหารประเทศต่อไป”

นาทีนี้พรรคเพื่อไทย จำกัดวงซักฟอกแค่รัฐมนตรีพลังประชารัฐ ส่วน พล.อ.ประวิตร – ร.อ.ธรรมนัส แม้อยู่ในข่ายแต่มีปัญหาข้อกฎหมายที่แตะลำบากจึงปล่อยให้เป็นความเสี่ยงของพรรคร่วมรัฐบาล

และมีเสียงลอดจากห้องยุทธศาสตร์เพื่อไทยว่า ควรยื่นซักฟอก พล.อ.ประยุทธ์ แค่คนเดียว เพื่อแตะไปถึงรัฐมนตรีคนอื่น ไม่จำเป็นต้องยื่นเป็นรายบุคคล