ประชารัฐรักสามัคคี สู่ 20 เจ้าสัว ลมใต้ปีกรัฐบาลประยุทธ์ กู้วิกฤตโควิด

กลายเป็น “แรงต้าน” รอบทิศ และ #รัฐบาลขอทาน ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ในทวีตเตอร์

พลันที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(โควิด-19) หรือ ศบค. ส่ง “เทียบเชิญ” 20 มหาเศรษฐี ฝ่าวิกฤตโควิด-19

“สิ่งที่ผมจะทำในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า ประการแรก คือ ผมจะออกจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย 20 ท่าน ขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกผมว่า ในฐานะที่ท่านเป็นผู้อาวุโสของสังคม ท่านจะร่วมมือกันกับเราอย่างไร และท่านจะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเราให้มากขึ้นได้อย่างไรบ้าง”

“มหาเศรษฐีของประเทศไทยทั้งหลาย ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ผมขอให้ท่านได้มีบทบาทสำคัญในการร่วมกันช่วยเหลือประเทศ และร่วมเป็นทีมประเทศไทยด้วยกันกับเรา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

20 เจ้าสัวเมืองไทยที่ติด top twenty-อยู่ในข่ายที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะร่อน “จดหมายเปิดผนึก” ได้แก่ 1.พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ 2.เฉลิม อยู่วิทยา บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด (Red Bull)

3.เจริญ สิริวัฒนภักดี เครือไทยเบฟเวอเรจ 4.ตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของอาณาจักรกลุ่มเซ็นทรัล 5.สารัชถ์ รัตนาวะดี แห่ง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ 6.อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา แห่งบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด7.ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด 8.ตระกูลโอสถานุเคราะห์ บมจ.โอสถสภา 9.วานิช ไชยวรรณ บมจ.ไทยประกันชีวิต 10.ชูชาติ เพ็ชรอำไพ และดาวนภา เพชรอำไพ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล

11.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ 12.Harald Link บี.กริม กรุ๊ป 13.กฤตย์ รัตนรักษ์ บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ 14.คีรี กาญจนพาสน์ บีทีเอส กรุ๊ปฯ 15.สันติ ภิรมย์ภักดี บมจ.บุญรอดบริวเวอรี่

16.ทักษิณ ชินวัตร เอสซี แอสเสทฯ 17.วิชัย ทองแตง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ 18.สมโภชน์ อาหุนัย บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ 19.ฤทธิ์ ธีระโกเมน บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป และ 20.ศุภลักษณ์ อัมพุช เดอะมอลล์ กรุ๊ป

แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ภายใต้การกุมบังเหียนของ “พล.อ.ประยุทธ์” ตั้งแต่เมื่อครั้ง “นาทียึดอำนาจ” เรียกใช้บริการเจ้าสัว-กลุ่มทุนใหญ่ที่มี 12 คณะทำงานสานพลังประชารัฐ เป็นโครงการใหญ่ในร่มของ “สานพลังประชารัฐ”

โดยมี “ธุรกิจยักษ์” ใต้ฟ้าเมืองไทยร่วมวงอยู่ใน “คณะทำงานภาคเอกชน” อาทิ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด

เป็น “หุ้นส่วน” ระหว่างรัฐบาล-เอกชน-ประชาชน ผ่านการจัดตั้ง “บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด” มี “ผู้ถือหุ้น” เป็น “บริษัทชั้นนำ” ในรูปแบบ “วิสาหกิจเพื่อสังคม” 76 จังหวัด เป็นโฮลดิ้งของ “บริษัทแม่” สาขาทำเนียบรัฐบาล

อย่ามองว่าเพื่อเป็นการผูกขาด อย่ามองว่าเพื่อ อะไรล่ะ เอาอีกแล้ว เอื้อประโยชน์ ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย เพราะประชาชนจะเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในตรงนี้ และเป็นหุ้นส่วนเต็มรูปแบบในวันหน้า “พล.อ.ประยุทธ์-หัวหน้า คสช.กล่าว ในงานพิธีเปิดบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2559 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

ในยุค “รัฐบาล คสช.” จึงมีแผนงาน-โครงการที่มีต่อชื่อต่อท้ายว่า “ประชารัฐ” มากมาย อาทิ โครงการบ้านประชารัฐ โครงการโรงเรียนประชารัฐ

นอกจากนี้ ก่อนการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 62-ปัจจุบัน “ทุนใหญ่” ยังใส่ซองระดมทุน-โต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) “นั่งร้าน” พล.อ.ประยุทธ์

เปิดเผยผ่านการติดประกาศรายชื่อบัญชีผู้สนับสนุนการจัดกิจกรรมการระดมทุนเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2561 จำนวน 622 ล้านบาท หน้าพรรคพลังประชารัฐ

อาทิ 1.บ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 6 ล้านบาท 2.บ.คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด จำนวน 9 ล้านบาท 3.บ.คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด จำนวน 9 ล้านบาท 4.บ.น้ำตาลมิตรผล จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 ล้านบาท

5.บ.ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 ล้านบาท 6.บ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 ล้านบาท 7.บ.ซัยโจ เด็นกิ เอ็นเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 6 ล้านบาท 8.สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย จำนวน 3 ล้านบาท

จึงไม่แปลกที่ “ตำบลกระสุนตก” ใส่ “พล.อ.ประยุทธ์” ในศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งฝ่ายค้านตั้งแท่นชำแหละนโยบายประชารัฐ “รวยกระจุก-จนกระจาย”-“เอื้อทุนใหญ่”

การอนุมัติ-อนุญาตแผนงานโครงการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใหญ่-เจ้าสัว 24 ตระกูล อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน-EEC ร้านค้าปลอดอากรภาษีของบริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (ทอท.) การต่อสัญญาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

การเทียบเชิญ 20 มหาเศรษฐีเมืองไทย อาจเป็นชนวนระเบิดการเมือง และเป็น”ลมใต้ปีก” รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์