ถึงศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564 ให้ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐไม่ต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.
ตามที่ ส.ส. 50 คน จากพรรคเสรีรวมไทย กับ พรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่า นายสิระเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรมนูญ มาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
- ส่อง 9 หุ้นธุรกิจประกัน จ่ายปันผลปี’66 จ่ายมาก-จ่ายน้อย-งดจ่าย เช็กที่นี่
- ส่องพอร์ตหุ้นไทย “ดร.นิเวศน์-ครอบครัว” 5.6 พันล้าน ปี’66 ได้ปันผลกี่บาท
- LH Bank โดดชิงเงินฝากสกุลดอลลาร์ ออกบัญชีฝากประจำพิเศษ ดอกเบี้ยสูง 5.35% ต่อปี
จากการที่ “สิระ” เคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน ว่า “กระทำความผิดอาญาฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341”
โดยศาลให้เหตุผลในการ “ยกคำร้อง” ว่า เพราะเหตุผลทางเทคนิก ที่ปรากฏว่า มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย 2 คน นางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร และนางอาภรณ์ สาราคำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ถอนชื่อ ทำให้ชื่อไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ
“ขณะยื่นคำร้องและคำร้องเพิ่มเติมนั้น สภาผู้แทนราษฎรมี ส.ส. จำนวน 487 คน และต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องเพิ่มเติม แจ้งต่อศาลรัฐธรรมนูญว่ามี ส.ส. จำนวน 2 คน ขอถอนชื่อออกจากการเข้าชื่อเสนอคำร้อง ฉบับลงวันที่ 28 ธันวาคม 2563 มีผลให้จำนวน ส.ส.ที่เข้าชื่อเหลือเพียง 48 คน ซึ่งเป็นจำนวนน้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่งบัญญัติ”
“ดังนั้น คำร้องนี้ไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย”
เพียงข้ามคืน “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เตรียมจะ ยืนยันใหม่ว่า ว่า ได้ตรวจสอบรายละเอียดภายในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แล้วพบว่านายสิระเคยมีคดีที่ถูกลงโทษถึงจำคุก คือ ความผิดเกี่ยวกับฉ่อโกง และลงโทษจำคุก 4 เดือน และยังมีอีกหลายคดีที่แสดงถึงพฤติกรรมของนายสิระ เช่น คดีเช็ค, ขับรถชนคนตาย, ทำร้ายร่างกายอีก
“ในคดีที่ผ่านมา นายสิระยอมรับสารภาพทุกคดี เอกสารที่ทำไปถูกต้องครบถ้วน และได้ติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2563 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ มีหนังสือตอบกลับ ว่ามีการลงลายมือชื่อของ ส.ส.ไม่เหมือนที่ให้ไว้กับต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ จำนวน 2 คน และขอถอนชื่อ อีก 10 คน ทำให้เหลือ ส.ส.เข้าชื่อ จำนวน 50 คน จึงส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
“การถอนนั้นผมไม่ทราบว่าสาเหตุคืออะไร ผมขอสมมติว่าอาจมีการให้ผลตอบแทน หรือการข่มขู่เกิดขึ้นก็ได้ และยอมรับว่าเป็นเอกสิทธิ์แต่ผมจะทำหนังสือถึงนายชวน เพื่อให้ชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง”
ร้อนถึงพรรคเพื่อไทย โดย “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เลขาธิการพรรค ต้องออกมาแจงกรณีดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ตอนหนึ่งว่า
“สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยได้ร่วมลงชื่อจนมีรายชื่อครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ โดยยังไม่มีมติพรรคหรือหนังสือสั่งการใดๆ จากผู้บริหารของพรรค”
“ต่อมาทราบว่ามีการให้สัมภาษณ์ในทำนองจะดำเนินคดีกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ร่วมลงชื่อ ด้วยความสับสนดังกล่าวจึงมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่งได้ขอถอนชื่อจากคำร้องดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องดังที่ทราบ”
“ประเสริฐ” ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า “ทั้ง 2 ท่าน ยินดีที่จะร่วมสนับสนุนญัตติที่เป็นการตรวจสอบอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากอาจจะมีกระบวนการประสานงาน หรือการสื่อสารที่ยังบกพร่อง จึงตัดสินใจถอนชื่อออกมาก่อน โดยเรื่องข้อกังวลเกี่ยวกับการฟ้องร้องนั้นเป็นเพียงข้อกังวลเล็กๆน้อยเท่านั้น”
ขณะที่นางอนุรักษ์ และนางอาภรณ์ 2 คนต้นเรื่องได้ ร่วมกันแถลงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ของนางอาภรณ์ ว่า “ทั้งสองคน ได้ทำหนังสือให้ประธานสภาฯ รับทราบว่ายังยืนยันที่จะลงชื่อตามเดิม สภาได้รับเมื่อวันที่ 7 และเป็นวันที่ เขาแสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่เสนอจะถอน แต่บังเอิญ 2 ชื่อเป็นเงื่อนไข จึงทำให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง”
“เมื่อญัตติมาถึงมือ ได้เซ็นชื่อกับเพื่อนหลายคน แต่วันต่อมามีหลายกระแส หนึ่งคือไม่ได้เป็นมติของพรรคเพื่อไทย ตน 2 คน จึงไปถอนรายชื่อออก แต่เมื่อทราบว่ารายชื่อไม่ครบ ก็ยืนยันรายชื่อเข้าไปใหม่”
“เราไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งทางตรง และทางอ้อมเลย ในขณะที่เราสับสนกรณีมติพรรคเราก็ถอน แต่เมื่อเรามั่นใจว่า นี่คือการทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ที่ดีที่สุดในการถอดถอนนายสิระ เราก็ยื่นเข้าไปใหม่ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ”
“ชูศักดิ์ ศิรินิล” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย กล่าวว่า “ทั้งสองคน ได้ทำหนังสือให้ประธานสภาฯ รับทราบว่ายังยืนยันที่จะลงชื่อตามเดิม เขาแสดงเจตนาชัดเจนว่าไม่เสนอจะถอน แต่ปรากฏว่าสภาได้รับหนังสือเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ขั้นตอนจึงยังไม่ถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่บังเอิญ 2 ชื่อเป็นเงื่อนไข จึงทำให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง”
“เพื่อไทยยืนยันในขณะนี้ว่า เราจะร่วมกับฝ่ายค้าน ซึ่งขณะนี้ได้มีการดำเนินกาเข้าชื่อกันใหม่ เพื่อยื่นคำร้องใหม่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยให้เสรีรวมไทยเป็นเจ้าภาพในการรวบรวมรายชื่อตามเดิม” นายชูศักดิ์ กล่าว
แต่ล่าสุด “ประเสริฐ” เลขาธิการพรรค อ่านแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย ว่า กรณี ส.ส. ในพรรคเพื่อไทยบางท่านได้ถอนรายชื่อจากการขอวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็น ส.ส. ของนายสิระ ตามกรณีที่เป็นข่าวนั้น จากกระบวนการสอบสวน พรรคเพื่อไทยพบว่าการร่วมเข้าชื่อครั้งนี้มาจากคำเชิญของสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้าน คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้ ส.ส. พรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นรายบุคคล จำนวนรวม 62 ท่าน โดยเป็น ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย 24 ท่านร่วมลงชื่อ ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาสมาชิกภาพของ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ
“การตรวจสอบข้อเท็จจริงของพรรค พบว่ามีข้อมูลและเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่า ส.ส. ของพรรคที่มิได้ร่วมลงชื่อ 1 คนกระทำการโน้มน้าว ส.ส. ในพรรค เป็นรายบุคคลให้ถอนรายชื่อจากคำขอฯ การกระทำการดังกล่าวของ ส.ส. ผู้นี้ย่อมเป็นการกระทำที่เล็งผลได้ว่าจะทำให้รายชื่อไม่ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเมื่อผลการสอบสวนเป็นที่ยุติอย่างเป็นทางการพรรค จะพิจารณาลงโทษ ส.ส. ผู้นี้อย่างเด็ดขาด”
ส่วนกรณี ส.ส. จำนวน 12 ท่านที่ถอนรายชื่อออกนั้น พรรคพบว่า ส.ส. หลายท่านเข้าใจว่าการร่วมลงชื่อเป็นการให้ความร่วมมือเป็นรายบุคคล และเป็นไปด้วยความสมัครใจโดยมีจำนวนรายชื่อมากกว่าจำนวนขั้นต่ำเป็นจำนวนพอสมควร โดยไม่ทราบว่าการถอนรายชื่อของตนจะมีผลให้มีจำนวนไม่ครบตามกฎหมาย และในทันทีที่ทราบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีรายชื่อไม่ครบก็ได้พยายามขอแก้ไขยกเลิกการถอนรายชื่อแต่ไม่เป็นผล
“ดังนั้น ส.ส. ที่ถอนรายชื่อหากมีความบริสุทธิ์ใจย่อมจะได้รับความเป็นธรรม แต่หากพบว่าเป็นไปโดยประสงค์ผลให้จำนวนรายชื่อไม่เพียงพอ ย่อมเป็นความผิดที่พรรคจะพิจารณาโทษต่อไป และทางพรรคจะดำเนินการสอบสวนให้เป็นที่ยุติโดยเร็วที่สุด”
ศึกถอดถอน “สิระ” ยังไม่จบ เช่นเดียวกับการตามล่า “งูเห่า” ในเพื่อไทยที่บงการให้ ส.ส.ถอนชื่อ จนญัตติไม่ครบ