“พรรคไทยภักดี” เปิดตัวสู้ พรรคก้าวหน้า-ก้าวไกล มุ่งร้ายสถาบัน

FACEBBOK : ไทยภักดี ประเทศไทย

“หมอวรงค์” เปิดตัวพรรคไทยภักดี เป็นพรรคปกป้องสถาบัน ประกาศต่อสู้ “คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล-ม็อบราษฎร”

วันที่ 20 มกราคม 2564 มติชนรายงาน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำไทยภักดี ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี แถลงข่าวถึงการจัดตั้งพรรคไทยภักดี ว่า มีจุดประสงค์ที่จะเป็นหัวหอกสำคัญในการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเต็มรูปแบบ เพราะที่ผ่านมามีพรรคการเมืองบางพรรค และคนบางกลุ่มพยายามยกระดับการเคลื่อนไหวที่มุ่งร้ายต่อสถาบัน

“พรรคไทยภักดีพร้อมประกาศจุดยืน ขอต่อสู้กลุ่มที่เคลื่อนไหวมุ่งร้ายต่อสถาบัน ทั้ง กลุ่มก้าวหน้า และ พรรคก้าวไกล ม็อบ 3 นิ้ว เนื่องจากมองว่าทั้ง 3 กลุ่มนี้มีการทำงานที่ประสานสอดคล้องกัน” นพ.วรงค์กล่าว

นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า สำหรับโครงสร้างและการดำเนินงานของพรรคจากนี้จะดำเนินการเหมือนพรรคการเมืองทั่วไป คือมีการลงสมัครรับเลือกตั้งในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ในการคัดค้านความเห็นต่างที่เกี่ยวกับการโจมตีสถาบัน

นพ.วรงค์กล่าวว่า ส่วนกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) นั้น ขอยังไม่เปิดเผยในขณะนี้ เพราะต้องมีการประชุมภายในก่อน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งพรรค คงใช้เวลาหลายเดือน แต่ยืนยันว่าประกอบไปด้วยบุคคลมากหน้าหลายตา

สมาชิกพรรคประกอบด้วยคนหลากหลายรุ่น ตั้งแต่เยาวชนถึงผู้สูงอายุที่ร่วมกันเป็นเครือข่ายของสมาชิกกลุ่มไทยภักดีตั้งแต่ก่อตั้ง โดยเราไม่มีกลุ่มทุน ไม่มีนายทุน ไม่มีเจ้าของพรรค ทุกอย่างจะอยู่ที่ประชาชนให้โอกาสพวกเราได้ทำหน้าที่ จึงขอเชิญชวนบุคคลที่มีอุดมการณ์เหมือนกับกลุ่มไทยภักดี มาร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรค

นพ.วรงค์กล่าวอีกว่า แนวทางการต่อสู้ของพรรคไทยภักดีจะเหมือนกับสิ่งที่กลุ่มไทยภักดีได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ เพียงแต่ยกระดับความเข้มข้นเพิ่มขึ้น โดยเน้นเรื่องกฎหมายและการตีแผ่ความจริง เช่น กรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาบิดเบือนเรื่องวัคซีนโควิด-19 และการพาดพิงสถาบัน ก็เป็นสิ่งที่จะต้องทำความจริงให้ปรากฏว่า สิ่งที่นายธนาธรพูดเป็นเท็จ ซึ่งตอนนี้ก็มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงแล้ว

“เราประเมินแล้วว่าวันนี้ถึงเวลาที่การต่อสู้ของเราจะตั้งรับและปกป้องอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องรุก ต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศ” นพ.วรงค์กล่าว

นพ.วรงค์กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดี จงใจจาบจ้วงสถาบันอย่างต่อเนื่อง แม้แต่สถานการณ์ล่าสุด ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในการตั้งโรงงานผลิตวัคซีน กลุ่มผู้ไม่หวังดีก็พยายามที่จะโยงใย ทำลายความน่าเชื่อถือ แม้สิ่งเหล่านั้นคือสุขภาพของประชาชน จึงขอย้ำว่า การโยงเรื่องโรงงานผลิตวัคซีนเป็นเรื่องบิดเบือน โกหกทั้งสิ้น หลังจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คือสถาบันวัคซีนแห่งชาติได้แถลง เรามีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น หลายสิ่งทำให้รับรู่ว่าสถาบันกำลังตกอยู่ในภัยอันตราย

“มาตรา 50 บุคคล มีหน้าที่พิทักษ์ไว้ซึ่งชาติ ศาสนา สถาบัน และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่พวกเรารับรู้ว่ามีความพยายามในการจาบจ้วงเพื่อการล้มล้าง ขณะนี้มีหลายกลุ่มเคลื่อนไหวในชื่อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเยาวชนปลดแอก ประชาชนปลดแอก กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มนักเรียนเลว และราษฎร ผมยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้มีคนบงการอยู่ข้างหลัง โดยมีวัตถุประสงค์ล้มสถาบัน โดยใช้คำว่า ‘ปฏิรูปสถาบัน’ แต่ใช้คำเสียสุดหรูว่าปฏิรูปสถาบัน

“วิธีการที่เขาทำงาน คือ การปล่อยเฟคนิวส์ บิดเบือนสังคม ใช้เฮทสปีช เป้าประสงค์คือต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน เพราะมองว่าเป็นอุปสรรคในการขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง และการเปลี่ยนประเทศสู่ระบอบสาธารณรัฐ ย้อนไปเมื่อ 21 มิถุนาย 2559 ที่นายปิยบุตรได้ไปพูดที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเด็นที่พูดได้มีการจาบจ้วงสถาบัน และบิดเบือน” นพ.วรงค์กล่าว

นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องคือคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แนวคิดของเขาในหนังสือ “Portrait ธนาธร” ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นแนวคิดของแกนนำหลัก 2 คน ที่ได้นำไปสู่การตั้งพรรคการเมือง เมื่อ 15 มีนาคม 2561 เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง แต่มีการให้พรรคกู้เงิน 191 ล้านบาท จึงนำไปสู่คำตอบที่ศาลรัฐธรรมนูญว่า จำไม่ได้ จำไม่ได้ จำไม่ได้ นำไปสู่การยุบพรรค ช่วงเดือนธันวาคม 2562 สิ่งที่เกิดขึ้นคือแฟลชม็อบ และในช่วงนั้นเอง นายธนาธรได้ไปพูดที่ ม.ธรรมศาสตร์ ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะยินยอมแก้ หรือแก้ด้วยเลือด มีการโจมตีสถาบันด้วยการชูป้าย ทับซ้อนในที่สาธารณะ เป็นที่แรก หลังจากนั้นนำไปสู่การเกิดม็อบ

“นายปิยบุตรได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กที่มีนัยยะสะท้อนถึงสถาบัน คนพวกนี้ใช้เวลาเพียง 8 เดือน ไปสู่การจัดการชุมนุม วันที่ 10 สิงหาคม 63 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต และครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่เสนอข้อเรียกร้องในการปฏิรูปสถาบันอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นนายธนารก็เปิดหน้าอย่างเป็นทางการ ที่บอกว่า วันนี้ ประตูบานแรกเกิดขึ้นแล้ว คือการยื่นข้อเสนอปฏิรูป หลังจากนั้น 6 ตุลาคม 2563 ได้ไปพูดที่จุฬาฯอีกครั้ง

“ธนาธร ปิยบุตร และผู้เกี่ยวข้อง ใช้เวลาประมาณ 10 เดือน ในการยุยง ปลุกปั่นเยาวชนให้เกิดความเกลียดชัง ปัจจุบัน กระบวนการเหล่านี้ยังมีความร่วมไม้ร่วมมือ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1.ม็อบ 3 นิ้ว 2.กลุ่มก้าวหน้า 3.พรรคก้าวไกลในสภา ทุกฝ่ายทำงานประสานสอดคล้องกัน เป้าหมายในตอนนี้คือการล้มมาตรา 112

“ผมย้ำประชาชนที่บ้านว่า มาตรา 112 คือกฎหมายหัวใจสำคัญในการปกป้องสถาบัน แต่เขามีเจตนาที่จะล้ม กลุ่มไทยภักดีจึงกำเนิดขึ้นมา เมื่อ 19 สิงหาคม 2563 ด้วยหัวจิต หัวใจในการปกป้องสถาบัน สืบสานความเป็นไทย และประเด็นอื่น ๆ ที่เป็นสาระสำคัญของพี่น้องประชาชน” นพ.วรงค์กล่าว

นพ.วรงค์กล่าวว่า อยากกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่า ตลอด 5 เดือนที่ไทยภักดีได้ตั้งขึ้นมาต่อสู้ เราประเมินว่า โครงข่ายของคนเหล่านี้ได้กระจายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะการใช้โซเชียลมีเดีย ไทยภักดีได้ประเมินว่า วันนี้ถึงเวลาแล้ว การต่อสู้ จะตั้งรับ และปกป้องอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องลุกต่อสู้ เพื่อปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยทั่วประเทศ

นพ.วรงค์กล่าวว่า เจตนาของเราคือการมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ เพื่อประสาน ร่วมไม้ร่วมมือในการต่อสู้ ปกป้องสถาบันอันเป็นที่รัก จึงกราบเรียนประชาชนว่า ณ ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องประกาศให้คนไทยรับทราบว่าเราจะดำเนินการจัดตั้งพรรคไทยภักดี จุดยืนเราชัดเจน จะต่อสู้กับ 3 กลุ่มนี้ คือ พรรคก้าวไกล กลุ่มก้าวหน้า และม็อบ 3 นิ้ว

นพ.วรงค์กล่าวว่า การประกาศจุดยืนในการจัดตั้ง เราเชื่อบนพื้นฐานว่า สังคมไทยจะดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุข ต้องมีสถาบัน ร่วมกับนักการเมืองที่มีคุณธรรม ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะวุ่นวาย เรายืนยันว่า พรรคไทยภักดี ไม่มีกลุ่มทุน ไม่มีเจ้าของพรรค ทุกอย่างอยู่ที่พี่น้องประชาชนว่าจะให้โอกาสพวกเราได้ทำหน้าที่หรือไม่

“สมบัติของแผ่นดิน การที่นักการเมืองเข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภา จัดตั้งรัฐบาล นับเป็นมูลค่าล้านล้านบาท แค่งบประมาณแผ่นดินปีละไม่น้อยกว่า 3 ล้านล้าน สินทรัพย์ประเทศอย่างอื่น ไม่ต้องพูดถึง เชื่อมั่นว่าพี่น้องจะให้โอกาสเรา

“พี่น้องเสียเงินแค่คนละ 100 บาท มาเป็นสมาชิกพรรคไทยภักดี เพื่อร่วมกันดูแลสมบัติประเทศเป็นล้าน ๆ คุ้มค่ามาก นี่คือสิ่งที่ขออนุญาตแถลงให้ทราบถึงเจตนา ในการจัดตั้งพรรคไทยภักดีอย่างเป็นทางการ” นพ.วรงค์กล่าว