พล.อ.ประยุทธ์ แจง ตั้งรัฐมนตรีใหม่ ใครมาก็ต้องทำตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ-แผนปฏิรูปประเทศ เผยเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ 27 มีนาคมนี้
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ภายหลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี หรือ “ครม.ประยุทธ์ 2/4” ว่า เบื้องต้นทราบว่า หมายกำหนดการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณในวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม 64
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
พล.อ.ประยุทธ์ตอบคำถามกรณีสังคมตั้งคำถามว่า นางตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไม่มีประสบการณ์ด้านการศึกษามาก่อน ว่า การทำงานมีหลายระดับ ระดับนโยบาย คือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่มีประสบการณ์ด้านการศึกษามาก่อน ตนเป็นทหาร แต่รัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบายเป็นแนวทางปฏิบัติและวางแผน ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปการศึกษา กรอบพ.ร.บ.การศึกษา รวมถึงแผนงานของรัฐมนตรีคนเก่าที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งใครจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาก็ตาม ต้องปฏิบัติตามนี้ ซึ่งตนให้ความสำคัญในเรื่องการศึกษาและติดตามอยู่ตลอด ไม่สามารถทำนอกเหนือจากนี้ได้ รัฐมนตรีใหม่มาก็ต้องทำตามนี้ โดยจะเรียกรัฐมนตรีใหม่มาพูดคุยกันในหลักการก่อนปฏิบัติหน้าที่ ภายหลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว
“การทำงานในวันนี้ของรัฐบาลไม่ใช่ทำงานการเมือง เป็นการทำงานตามกรอบอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ซึ่งทุกคนที่เข้ามา คือ ส.ส.ใช่ไหมล่ะ เป็นคนที่ประชาชนเลือกมาก็ต้องเคารพเขา ในสิทธิของเขาที่จะเป็นครม.อะไรก็แล้วแต่ แต่ทั้งหมดต้องถูกบริหารโดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล บริหารผ่านช่องทางคณะรัฐมนตรี (ครม.)”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่า ไม่ว่ารัฐมนตรีใหม่จะเป็นใครก็ต้องปฏิบัติตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น และต้องระมัดระวังเรื่องการทุจริต โปร่งใส มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีเป้าหมาย
สำหรับการสลับโควตารัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยระหว่างกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงพาณิชย์นั้น ต้องการให้ทั้งสองกระทรวงขับเคลื่อน เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในช่วงนี้ในการสร้างโอกาสและการเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ทุกคนเข้าถึงได้โดยเร็วเพื่อจะเป็นการกระจายรายได้ไปถึงชุมชน ครอบคลุมเศรษฐกิจและการขนส่งสินค้าเกษตร ขณะที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็มีความสำคัญ
“ให้เกียรติซึ่งกันและกันน่า ก็ดูก่อน เข้ามา ครม.ก็ไม่ได้อยู่จน…ก็ปรับอยู่เรื่อยนั่นแหละ เนอะ ถึงจะปรับยังไงก็แล้วแต่ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องปรับออก ปรับใหม่ ซึ่งผมต้องประเมินผลงานของรัฐมนตรีทุกกระทรวงอยู่แล้ว ซึ่งมีการรายงานความคืบหน้าทุก 3 เดือนอยู่แล้ว”