ชาวเน็ตแห่ถาม “ประยุทธ์” ไม่สวมหน้ากาก ประชุมวัคซีน

ชาวเน็ต สงสัย แห่ถาม ‘นายกฯ’ ไม่สวมแมสก์ ประชุมวัคซีน ขณะประกาศกทม. มีผลแล้ววันนี้ บังคับใส่หน้ากากตลอดเวลาที่ออกนอกที่พักอาศัย ปรับหนัก 2 หมื่น 

วันที่ 26 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่เพจเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพถ่ายการประชุมทีมที่ปรึกษาเรื่องการจัดหาวัคซีนจากกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อาทิ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษา ศบค.ในฐานะคณะกรรมการจัดหาวัคซีนทางเลือก เป็นต้น ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน

ภายหลังที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไประยะหนึ่ง ได้มีคอมเม้นต์และการแชร์โพสต์ ดังกล่าวนี้พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การประชุมเป็นการรวมตัวกันหลายคน ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยกันหมดยกเว้น พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียว ทั้งนี้ ถือเป็นวันแรกที่ทางกรุงเทพมหานครออกประกาศบทลงโทษต่อบุคคลที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัยออกนอกเคหสถาน โดยจะปรับเป็นเงิน 20,000 บาทด้วยหรือไม่

ชาวเน็ตแห่ถาม "ประยุทธ์" ไม่สวมหน้ากาก ประชุมวัคซีน

สำหรับประกาศของกทม. มีขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร ออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานพำนัก

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท และเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539

และเมื่อวันที่ 26 เม.ย. กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ชี้แจงความชัดเจนตามประกาศ เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานพำนัก ตามที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกทม. ในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า

“เจตนาในการประกาศคือ การป้องกันการติดต่อของโรคจากบุคคลไปสู่บุคคล ดังนั้นเมื่อมีบุคคลอื่นอยู่ในรถด้วย จึงต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ไม่ยกเว้นแม้เป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรค และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในกรณีที่นั่งคนเดียว จึงอนุโลมได้ว่า ไม่ต้องสวมหน้ากาก”


“ทั้งนี้ ข้อปฏิบัติดังกล่าว รวมถึงการอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในอาคาร หรือสถานที่ต่างๆ ด้วยจะต้องสวมหน้ากากด้วย สำหรับในที่สาธารณะต้องสวมตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือไม่ ก็ตาม เพราะบุคคลอื่นอาจมาใช้สถานที่นั้นต่อ ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงติดเชื้อได้”