เส้นทางอำนาจใหม่ “ธรรมนัส” สถานีต่อไป สู้ศึกใน พิชิตศึกนอก พปชร.

และแล้ว “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไร้มลทิน (อีกครั้ง) หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 วินิจฉัยว่า ไม่ขาดคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญความเป็น ส.ส.-รัฐมนตรี เพราะคำพิพากษาศาลออสเตรเลียสั่งจำคุกในคดีค้ายาเสพติด ไม่สามารถล่วงล้ำอำนาจอธิปไตยรัฐไทยได้

เมื่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ “ผูกพันทุกองค์กร” สถานี (อำนาจ) ต่อไปของรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ-ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ สปอตไลต์สาดส่องร้อนแรงไปที่เก้าอี้ของ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐคนปัจจุบัน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคจะเรียกประชุมใหญ่ของพรรคหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง จึงเป็นสถานีแรก-บันไดขั้นที่ 1 ของ ร.อ.ธรรมนัส ที่อาจก้าวไปถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ หรืออย่างน้อย “มท.2”

การจัดวางตำแหน่งแห่งหนให้กับ ร.อ.ธรรมนัสในพรรคพลังประชารัฐของ พล.อ.ประวิตรให้ไปคุมพื้นที่ภาคใต้-ตีป้อมค่ายพรรคประชาธิปัตย์กระทบชิ่ง “นิพนธ์ บุญญามณี” รมช.มหาดไทย ปม “จะนะ”

นอกจากนี้ยังได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประวิตรให้เป็น “หัวหน้าศูนย์โควิด พปชร.” เพื่อเป็น “ซิงเกิลคอมมานด์” ถือประกาศิตจาก พล.อ.ประวิตรสั่งการ 10 แกนนำหัวหน้าภาคได้อย่างเต็มไม้เต็มกำลัง

วาระทางการเมืองของ พล.อ.ประวิตร-ร.อ.ธรรมนัส จึงไม่ใช่เพียงการทดลองงาน-ทดสอบบารมีของ ร.อ.ธรรมนัสก่อนนั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคเท่านั้น

แต่เป็นการกู้ภาพลักษณ์ให้กับรัฐบาล-พลังประชารัฐ โดยเฉพาะช่วงที่โควิดตีเมืองหลวง-กรุงเทพฯอย่างหนัก จนมีผู้ติดเชื้อตัวเลข 4 หลัก

โดยเฉพาะช่วงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในเวลาอันใกล้ โดยมี “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” อดีต ผบ.ตร.-น้องรักบิ๊กป้อม เป็น (ว่าที่) ผู้สมัคร “ผู้ว่าฯเสาชิงช้า”

ภารกิจหัวหน้าศูนย์โควิด-พปชร.ของ ร.อ.ธรรมนัส จึงต้องรบกับทั้งพรรคเพื่อไทย-ก้าวหน้าและก้าวไกล-ประชาธิปัตย์ และ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เต็งจ๋า โดยมีเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.คนที่ 13 เป็นเดิมพัน

ทว่าเส้นทางอำนาจของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ถูกวางไว้โดยมือของผู้มากบารมี อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ-สะดวกโยธินจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคสู่รัฐมนตรีว่าการ และก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “ทายาทบิ๊กป้อม” ในอนาคต

สถานีที่ 1 เก้าอี้เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐที่ดูเหมือนว่าจะเป็นบันไดขั้นแรก สู่การ “การันตี” เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ

ทว่า “สันติ พร้อมพัฒน์” ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ-เพื่อนร่วมก๊วน แม้จะเป็นพรรคพวก-ก๊วน 3 ช.เดียวกันก็ตาม แต่สันติก็ “คั่ว” เก้าอี้พ่อบ้านพรรคเช่นเดียวกัน เพื่อเป็น “สปริงบอร์ด” สู่เก้าอี้บริหารที่ตัวใหญ่ขึ้น

ดังนั้น จึงอยู่ที่ “เสี่ยแฮงค์” เจ้าของตำแหน่งปัจจุบันจะยอมหรือไม่ แม้ไม่เด่น-ดัง แต่ก็ยังมี 2 สายแข็ง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นแบ็กอัพ

เมื่อถึงเวลาเลือดเข้าตา “สมศักดิ์-สุริยะ” อาจจะต้องลงมือ-ลงมารับบท “พ่อบ้านจำเป็น” เพื่อ “ขัดตาทัพ” ไม่ให้ “ก๊วน 3 ช.” กินรวบอำนาจ-ชิงการนำภายในพรรคเบ็ดเสร็จ

แต่ที่มองข้ามไม่ได้ คือ “ม้ามืด” อย่าง “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เหรัญญิกพรรค-คนถือกระเป๋า พล.อ.ประวิตรที่อาจเข้าสู่เส้นชัยแทน

ยิ่งแคนดิเดตเลขาธิการพรรคทั้ง “4 ส.” สันติ-สมศักดิ์-สุริยะ และ “เสี่ยแฮงค์” พ่อบ้านคนปัจจุบัน ล้วนมีภาระ-พันธะ โปรไฟล์การเมือง ตั้งแต่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่เสี่ยงมีคดีในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ขณะสถานีที่สองของ ร.อ.ธรรมนัส จากรัฐมนตรีช่วยว่าการ สู่รัฐมนตรีว่าการ แม้การพ้นมลทิน-ไม่ขาดคุณสมบัติ ส.ส.-รัฐมนตรีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ แต่ใช่ว่าจะ “สะอาดผุดผ่อง”

เนื่องจากกระแสสังคมยัง “ตั้งคำถาม-กังขา” ถึงมาตรฐาน-บรรทัดฐาน และความเหมาะสมทางจริยธรรมของบุคคลที่จะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

นอกจากนี้ทั้งพรรคฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น และโหนกระแส “มันคือแป้งมัน” ดาหน้ายื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณา-ชี้มูลความผิดมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง

“ร.อ.ธรรมนัส” ยังมีปม ป.ป.ช.ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบบัญชีสินทรัพย์และหนี้สินที่ยัง “เคลียร์ไม่ลง” กรณีปกปิดบัญชีทรัพย์สิน-การถือหุ้นของคู่สมรส-นอกสมรสในบริษัทในเครือธรรมนัสกรุ๊ปหลายแห่ง

ดังนั้น ข้อวิเคราะห์ในพรรคที่ทำนายผลกันว่า เมื่อ “ร.อ.ธรรมนัส” ผงาดขึ้นชั้นเป็นเบอร์ 2-เลขาธิการพรรค เป็น “มือวางอำนาจอันดับสอง” รองจาก “บิ๊กป้อม” แล้ว จะการันตีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ 100% อาจไม่เป็นไปตามคาด

เพราะคนสำคัญที่จะชี้ว่า “ร.อ.ธรรมนัส” เหมาะสมที่จะขึ้นไปเป็นใหญ่ต่อในเก้าอี้ตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิม หรือไม่ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม

“กระแสสังคม (ร.อ.ธรรมนัส) ยังเคลียร์ไม่ออก เหนื่อยนะ เหนื่อย ๆ ๆ”เพื่อนเตรียมทหารใกล้ชิด พล.อ.ประวิตรระบุ

แหล่งข่าวระดับใกล้ชิด พล.อ.ประวิตรวิเคราะห์ทิ้งท้ายว่า ส่วนบันไดขั้นที่สาม-หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คนที่ 3-ทายาทบิ๊กป้อมในมือ ร.อ.ธรรมนัส ยังอีกไกล-ไม่สามารถมองข้ามชอต เพราะความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรคพลังประชารัฐยังปริ-แยก ไม่สามารถสลัดภาพความเป็น “พรรคเฉพาะกิจ” ได้

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลใหม่ใน “พรรค 3 ป.” พรรคสำรองที่จะมาแชร์อำนาจในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ

เส้นทางสู่เก้าอี้เบอร์ใหญ่ของ ร.อ.ธรรมนัส ยังมีอีกยาวไกล