การเมือง

ประชาธิปัตย์ ไม่ถอนตัวร่วมรัฐบาล โยนพลังประชารัฐ เคลียร์ปม ธรรมนัส

จุรินทร์ ประชาธิปัตย์

โปรดฟังอีกครั้ง ! จุรินทร์-หัวหน้า ปชป ประชาธิปัตย์ไม่ถอนตัวร่วมรัฐบาลประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจซ้ำเติมประเทศ โยน พรรคพลังประชารัฐ เคลียร์ ปมธรรมนัส นั่งเก้าอี้รมต. เมิน คุย อันวาร์ ถอนตัวซ้ำซาก

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2564 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ปชป. เรียกร้องให้ ปชป.ถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ว่า โฆษก ปชป. ตอบไปครบถ้วนและชัดเจนแล้ว (ว่า ถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเป็นปัญหาของคนคนเดียว)

“กรณีท่านธรรมนัส (พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ) มาเป็นรัฐมนตรีในโควตาพรรคพลังประชารัฐ เพราะฉะนั้นก็เป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชารัฐที่จะเป็นผู้ตอบคำถาม (กรณีคำพิพากษาศาลออสเตรเลียให้จำคุกคดียาเสพติด) ประชาธิปัตย์เป็นเพียงพรรคร่วมรัฐบาล จึงเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐที่จะเป็นผู้ตอบ”

นายจุรินทร์กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนายอันวาร์แสดงให้เป็นว่ามีความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะสรุปว่าเป็นปัญหาภายในพรรคไม่ได้ พรรคมีกระบวนการอยู่แล้ว มีทั้งเสียงส่วนน้อย เสียงส่วนใหญ่ ประชาธิปัตย์ยึดวิถีทางประชาธิปไตย

เพราะฉะนั้นพรรคจะดำเนินการตัดสินใจในเรื่องใดทางการเมืองก็ต้องเป็นไปตามเสียงส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้แปลว่าไม่รับฟังเสียงส่วนน้อย และเสียงส่วนน้อยก็ต้องเข้าใจและยอมรับมติเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยั่งยืนมาได้จนถึงวันนี้ 85 ปี ซึ่งยังยึดถือเป็นแนวทางและวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ผมคิดว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่พรรคต้องดำเนินการก็คือ การทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ที่สุด และให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชน โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว เพราะฉะนั้นการตัดสินใจใด ๆ ก็ต้องยึดถือหลักนี้

ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญปัญหาทั้งเศรษฐกิจและการระบาดของโควิด ประชาธิปัตย์จึงไม่สามารถเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากการทำหน้าที่ทีมีอยู่และจะต้องร่วมมือร่วมใจกับพี่น้องประชาชนในการพาประเทศฟันฝ่าอุปสรรคและผ่านพ้นปัญหานี้ไปด้วยเช่นกัน”นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวทิ้งท้ายว่า นายอันวาร์ทำลักษณะนี้มาหลายครั้ง นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง แต่พรรคต้องมีหลักของพรรค ดำเนินการตามเสียงส่วนใหญ่ ฟังเสียงส่วนใหญ่ ไม่ได้คุยครับ และไม่คิดจะคุยด้วยแล้วครับ เพราะคุยด้วยหลายครั้งแล้ว

ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างไรไม่ขอตอบ แต่สถานการณ์ปัจจุบันประเทศกำลังเผชิญปัญหา ดังนั้นการตัดสินอะไรต้องคิดให้ดีและตัดสินใจบนความรับผิดชอบและมีวุฒิภาวะ ไม่ควรทำอะไรที่ซ้ำเติมปัญหาของประเทศ