พรรคใหม่ 4 กุมาร ปักธง กลางปี 2565 พร้อมเลือกตั้ง

แฟ้มภาพ

นิพิฏฐ์ แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย เตรียมเปิดตัว-ทีม 4 กุมาร แย้ม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นอกจาก “สมคิด” ยังไม่มีชื่ออื่น

วันที่ 5 มกราคม 2565 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สนับสนุนการก่อตั้งพรรคใหม่ตามแนวทางของอดีตรัฐมนตรีกลุ่ม 4 กุมาร ให้สัมภาษณ์รายการ “เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์” ถึงความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า เราพยามเร่งเต็มที่ ความพร้อมของพรรคต้องมีอยู่ 2 ระยะ ระยะที่เร็วที่สุด วิกฤตที่สุด เกิดการเมืองวิกฤตขึ้นมา ผมคิดว่า มิถุนายน กรกฎาคม 2565 เราต้องพร้อมแล้ว

สำหรับผมดูแลเฉพาะภาคใต้ ผมคิดว่าเฉพาะภาคใต้ที่ผมดูแล เดือนมิถุนายน กรกฎาคม ต้องมีความพร้อม 100% สมมุติกฎหมายลูกเสร็จ อาจจะมีการยุบสภา มิถุนายน เราต้องพร้อมในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนกฎหมายลูกเสร็จแล้ว รัฐบาลยังถูลู่ถูกังไปได้ อาจจะต้นปีหน้า หรือปลายปีนี้ APEC จบ ก็ว่าไป เป็นความพร้อมอีกระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามพื้นที่ภาคใต้ที่ผมรับผิดชอบต้องพร้อม 100% ทุกคนเห็นด้วย ในทางการเมืองก็มองอย่างนี้ทุกพรรค

นายนิพิฏฐ์ยังกล่าวถึงการเลื่อนพบสื่อของนายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เพื่อเปิดใจการก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทยเพราะไม่พร้อม ว่า ไม่มีปัญหาเรื่องความไม่พร้อม การเดินหน้าของพรรคไม่หยุด 100% เต็มที่ ไม่มีปัญหา ผมคุยกับอาจารย์สมคิด (จาตุศรีพิทักษ์) ประมาณ 3 ครั้ง ที่ผ่านมาผู้ก่อตั้ง 4-5 คนคุยกันทุกอาทิตย์ ผมบินเข้ากรุงเทพฯ เพื่อคุยกัน 3-4 ชั่วโมงก็กลับ เป็นอย่างนี้ทุกอาทิตย์

มีการประชุมยุทธศาสตร์กันตลอด ไม่ได้คิดว่าจะเปิดตัวกันในตำแหน่งใด คิดกันเพียงว่า มีเจตนาตรงกันในการทำการเมืองใหม่ เข้าไปกู้วิกฤตเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และระดมนักเศรษฐศาสตร์เข้ามาให้มาก ส่วนใครจะอยู่ตรงไหน ทุกคนพยายามเตะลูกออกกันทั้งนั้น

นายนิพิฏฐ์กล่าวว่าต่อไปว่า ส่วนใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ผมรู้อยู่แล้ว ให้พรรคประกาศดีกว่า หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ใครจะเป็นแคนดิเดตที่เราจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีมีทั้งนั้น มองตาก็รู้กันแล้วว่า ใครมีศักยภาพตรงไหน เพียงแต่รอประกาศ ตั้งพรรคเป็นทางการ ประกาศกันตรงนั้นเลย เป็นวาระของพรรคที่จะประกาศตามขั้นตอน

“เวลาคุยกัน เราคุยกว้าง ๆ ว่า เหมือนประชุมสงฆ์ ถ้าเห็นว่ามีใครมีเหมาะสมดีกว่านี้ก็ให้กล่าวขึ้นท่ามกลางสงฆ์ แต่มองตากันแล้ว เท่าที่มีอยู่ก็ประมาณนี้ หลักการข้อแรกในการทำการเมืองของพวกเรา คือ เราสกรีนคนมากเลย กว่าจะมานั่งท่ามกลางสงฆ์ได้ เป็นอริยสงฆ์ทั้งนั้น บริสุทธิ์ทั้งนั้น” นายนิพิฏฐ์กล่าวถึงชื่อคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย และจะไม่มีเทวทัตโผล่ขึ้นมาท่ามกลางสงฆ์

นายนิพิฏฐ์ทิ้งท้ายว่า ถ้าผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไปเจอนักธุรกิจ ไปขอการสนับสนุนพรรค สนับสนุนความรู้ คนที่ไปติดต่อด้วยจะรู้ว่าโครงสร้างเป็นอย่างไร เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ ต้องบอก แต่สาธารณะที่เรายังไม่รู้ เพราะไม่ได้ไปปฏิสัมพันธ์ด้วย จึงอาจจะไม่ทราบ