อนุทิน นำภูมิใจไทย ยื่นร่างกฎหมายกัญชง-กัญชา ปลดล็อกพ้นยาเสพติด

ภูมิใจไทย ยื่นร่าง พ.ร.บ. กัญชง กัญชา ปลดกัญชาออกจากยาเสพติด ขีดเส้นใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ หากใช้ในทางที่ผิดยังมีโทษเหมือนเดิม

วันที่ 26 มกราคม 2565 ที่รัฐสภา พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ร่วมกันยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชง กัญชา พ.ศ… . ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เพื่อขอให้พิจารณานำเข้ากระบวนการตราเป็นพ.ร.บ.เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

นายอนุทิน กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องมีการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ เพราะเมื่อวันที่ 25 มกราคม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข โดยตนในฐานะ รมว.สาธารณสุข ได้ลงนามในประกาศกำหนดชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การปลดกัญชาออกจากยาเสพติด

“หลังจากที่ประกาศฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ คือ 120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา กัญชาและกัญชงที่ผลิตในประเทศไทยจะไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป รวมทั้งจะไม่อยู่ใน พ.ร.บ.ยาเสพติดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของกัญชาและกัญชง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงต่อรัฐสภาว่าจะส่งเสริมให้มีการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา กัญชง สมุนไพร เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและสร้างรายได้แก่ประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนที่ยังนักวิชาการ ภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงาน โดยเกรงว่าจะมีการนำกัญชาไปใช้ทางที่เป็นโทษต่อประชาชนและเยาวชนซึ่งจะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของข้อตกลงนานาชาตินั้น ในเรื่องการควบคุมการใช้กัญชา ซึ่งกำหนดให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ เท่านั้น คณะกรรมการ ปปส.จึงเสนอให้มีการออกกฎหมายมากำกับการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงเป็นการเฉพาะ

เมื่อพันจากบัญชียาเสพติดแล้วเช่นเดียวกับกฎหมายกระท่อมที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบแล้ว ทั้งนี้การมีกฎหมายเฉพาะกัญชา กัญชง จึงเป็นการยืนยันอีกครั้งว่า กัญชา กัญชง ได้พ้นจากความเป็นยาเสพติดแล้ว แต่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมการผลิตและการใช้ให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ตามนโยบายรัฐบาลหากมีการนำไปใช้ทางที่เป็นโทษก็ยังคงมีความผิดอยู่

หลักการและเหตุผลของร่างพ.ร.บ.กัญชง กัญชา ที่ นำเสนอฉบับนี้คือ ส่งเสริมให้กัญชา กัญชง เป็นพืชที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายดังนี้ 1.เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ พัฒนาภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทย 2.ให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง

3.ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ประชาชนจากการปลูก การผลิต และการขายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง รวมทั้งสารสกัด 4.ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทั้งพืช และผลิตภัณฑ์จากกัญชา กัญชง และ 5.คุ้มครองประชาชนซึ่งอาจจะได้รับอันตรายจากการบริโภคกัญชา กัญชง และป้องกันการใช้กัญชา กัญชงในทางที่ผิด

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง ซึ่งได้นำเสนอนโยบายการปลดกัญชาออกจากยาเสพติด เพื่อให้ประชาชนนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เข้าถึงกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ โดยได้รับความสะดวกมากที่สุดและสามารถนำไปใช้เป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนได้ ซึ่งเราได้ผลักดันนโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ถึงวันนี้การปลดกัญชาออกจากยาเสพติด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการปปส. ได้แสดงให้เห็นว่านโยบายนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

นอกจากนี้พรรคภูมิใจไทย ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เป็นพรรคการเมืองที่พูดแล้วทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและเป็นพรรคการเมืองที่รับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน พร้อมนำข้อห่วงใย มาหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้การปฏิบัติตามนโยบายไม่เกิดผลกระทบเป็นปัญหาต่อสังคม จึงนำมาสู่การยื่นร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ในวันนี้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความสบายใจ และยังทำให้เห็นได้ถึงการทำงานในรูปแบบของพรรค คือทำทันทีไม่ทำให้ประชาชนต้องเสียโอกาสเสียเวลาแม้แต่วันเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่าง 120 วันระหว่างที่รอกฎหมายประกาศใช้ หากมีการจับกุมผู้ที่ปลูกจะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า มีการตีความชัดเจนว่าประมวลกฎหมายยาเสพติดพ.ศ.2564 ถือว่าเป็นกฎหมายหลัก ฉะนั้นประกาศใดๆ ก็ตามไม่มีศักดิ์และสิทธิ์เหนือกว่ากฎหมายใหญ่ แต่ก็มีการตีความหากเป็นคนตรากฎหมายจะตีความอย่างไร คนใช้กฎหมายก็จะตีความกฎหมายอีกแบบ นี่เป็นเหตุผลที่เราจะต้องมาทำกฎหมายกัญชง กัญชาโดยเฉพาะ

เมื่อมีความมั่นใจว่ากัญชง กัญชาไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไปแล้ว จะต้องเป็นพืชเศรษฐกิจ เป็นทางเลือกในการทำมาหากินให้กับประชาชน เพิ่มมูลค่าเป็นแสนล้านบาท ฉะนั้นเราจึงจำเป็นและเห็นควรว่าจะต้องมีกฎหมายที่มากำกับดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่ต้องตีความอีกต่อไป ซึ่งทั้งนี้ต้องใช้เวลา อีกไม่นานเราจะไม่เห็นกัญชง กัญชาเป็นยาเสพติดอีกต่อไป เมื่อเขาให้คุณประโยชน์ออกมามากมายก็ไม่มีใครที่อยากกลับไปใช้ในส่วนที่เป็นโทษ เรามีความมั่นใจมนุษย์ทุกคนเป็นแบบนี้