สภาล่มอีกแล้ว ส.ส. เพื่อไทย – กลุ่มธรรมนัส ไม่แสดงตัว

สภายังล่มซ้ำซาก ฝ่ายค้าน – ก๊วนธรรมนัสไม่แสดงตัว ก้าวไกลขอสวนทางแสดงตัวเพียบ

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ระหว่างการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องผลกระทบและแนวทางแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลไทยอย่างยั่งยืน โดยคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย เป็นผู้เสนอ

ปรากฏว่าในช่วงลงมติว่าจะเห็นชอบรายงานดังกล่าวหรือไม่ นายชวน ได้กดออดเรียก ส.ส.ให้เข้ามาในห้องประชุมเพื่อตรวจสอบองค์ประชุมก่อนลงมติ โดยนายชวนพยายามพูดถ่วงเวลาอยู่หลายนาที แต่ ส.ส.ในห้องประชุมก็ยังบางตา ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เสนอให้ประธานพักการประชุมเป็นเวลา 30 นาที

แต่ นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ ทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงคัดค้าน โดยนายจุลพันธ์ ระบุว่า การประชุมสภาจะจบในเวลา 17.00 น. แต่ถ้าลงมติด้วยการขานชื่อต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมงเท่ากัน และไม่ได้ประชุม และพรรคฝ่ายค้านจะไม่ขอยุ่งด้วย

ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ระบุว่าการเสนอนับองค์ประชุมของนายวิรัชไม่ถูกต้อง เพราะมีคนรับรองไม่ครบตามข้อบังคับ ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า ให้ลงมติด้วยการใช้บัตรลงคะแนน และยืนยันว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลจะอยู่ในห้องประชุม

กระทั่งนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นเป็นตัวแทนพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า การเสนอนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อของนายวิรัช มีผู้รับรองไม่ครบตามข้อบังคับจริง พร้อมเสนอให้ลงมติด้วยการใช้บัตรลงคะแนน ซึ่งนายชวน ได้ขอคำยืนยันจากพรรคภูมิใจไทย จากนั้นจึงเข้าสู่การลงมติ

จนในที่สุด เวลา 14.45 น. นายชวนได้กดออดเชิญให้สมาชิกเข้าห้องประชุมเพื่อเสียบบัตรแสดงตน และประกาศผลองค์ประชุม ปรากฏว่ามีสมาชิกเพียง 195 คน ไม่ถึง 237 คน ถือว่าไม่ครบองค์ประชุมและสั่งปิดการประชุมในเวลา 14.50 น. ทั้งนี้ ใช้เวลาในการยื้อเวลาเพื่อนับองค์ประชุมนานเกือบ 1 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า จากการตรวจสอบการแสดงตนเป็นองค์ประชุมสภาฯ ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่มีส.ส.แสดงตน จำนวน 195 คน จนทำให้ไม่ครบองค์ประชุม จำนวน 237 คน พบว่า พรรคเพื่อไทย แสดงตน 2 คน คือ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. ไม่แสดงตน 129 คน ส่วนพรรคก้าวไกล แสดงตน 43 คน ไม่แสดงตน 8 คน พรรคเสรีรวมไทย แสดงตน 1 คน ได้แก่ น.ส.ธนภร โสมทองแดง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่แสดงตน 9 คน พรรคประชาชาติ แสดงตน 1 คน คือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่แสดงตน 6 คน พรรคเพื่อชาติ ไม่แสดงตนทั้ง 6 คน

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ แสดงตน 54 คน ไม่แสดงตน 43 คน ส่วนส.ส.ที่ย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ จำนวน 19 คน แสดงตนเพียง 1 คน คือนายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น ที่เหลืออีก 18 คน ไม่แสดงตน ด้านพรรคภูมิใจไทย แสดงตน 33 คน ไม่แสดงตน 25 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้กักตัวโควิด 7คน สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ แสดงตน 35 คน ไม่แสดงตน 15 คน

พรรคชาติไทยพัฒนา แสดงตน 6 คน ไม่แสดงตน 6 คน พรรคชาติพัฒนา แสดงตนครบทั้ง 4 คน ด้านพรรคเศรษฐกิจใหม่ แสดงตน 4 คน ไม่แสดงตน 2 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท แสดงตน 4 คน มีเพียง น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เท่านั้น ที่ไม่แสดงตน ส่วนพรรครวมพลังประชาชาติไทย แสดงตน 3 คน ไม่แสดงตน 2 คน คือ นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร และน.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ไม่แสดงตนทั้ง 2 คน ส่วน สำหรับพรรคเล็กที่มีส.ส.เพียงคนเดียว ที่ไม่แสดงตน ได้แก่ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคพลังชาติไทย พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคพลังปวงชนไทย พรรคเพื่อชาติไทย อย่างไรก็ตาม พรรคเล็กที่มีส.ส.หนึ่งคน และแสดงตน คือพรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคไทรักธรรม และพรรคพลเมืองไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่อยู่ในห้องประชุม แต่ไม่ยอมแสดงตนเป็นองค์ประชุม รวมถึงนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ไม่แสดงตนทั้งที่นั่งอยู่ข้างนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม ที่แสดงเป็นองค์ประชุม