ดราม่าความสัมพันธ์ เพื่อไทย-ก้าวไกล “ซ่อนดาบในรอยยิ้ม”

พรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล เป็นพันธมิตรในพรรคร่วมฝ่ายค้าน 208 เสียง

แต่บางจังหวะก็เปลี่ยนจากมิตร กลายเป็น ศัตรู โดยพลัน

กับกรณีดราม่าล่าสุด หลังจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ล่มลงในช่วงบ่าย ระหว่างพิจารณารายงานคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องผลกระทบและแนวทางแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลไทยอย่างยั่งยืน

สภาล่มครั้งที่สองในรอบเดือน ที่ผ่านมาไม่ถึง 10 วัน

แต่คราวนี้ดราม่า ไม่ได้เกิดกับพรรคฝ่ายรัฐบาลในฐานะเสียงข้างมาก แต่มาจากฝ่ายเสียงข้างน้อยทะเลาะกันเอง

จุดเริ่มต้นของเรื่องมีอยู่ว่า พรรคเพื่อไทย เห็นว่า ส.ส.ซีกฝ่ายรัฐบาล อยู่ในห้องสภาโหรงเหรง บรรยากาศแทบกลายเป็นสภาร้าง เมื่อ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร กดปุ่มให้สมาชิกมาแสดงตนเพื่อลงมติ กลับปรากฏว่า ส.ส.ทยอยเข้าห้องประชุมบางตา

แม้ “ชวน” ที่อยู่ในสภามากว่า 5 ทศวรรษ จะใช้เทคนิคพูดดึงเวลา ให้ผู้ทรงเกียรติเข้ามาแสดงตน แต่ห้องประชุมก็ยังบางตา พรรคเพื่อไทย โดยนายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย จึงเสนอให้ปิดประชุม เพราะบรรยากาศแบบนี้โหวตไปสภาก็ล่ม

จนแล้วจนรอดมีการเสนอให้นับองค์ประชุม แล้วสภาก็ล่มจริง ๆ เพราะพรรคเพื่อไทยประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมในการแสดงตนเพื่อโหวต

แต่พรรคก้าวไกล เห็นสวนทาง ยืนยันเรียงหน้าประกาศในที่ประชุมสภาว่าพร้อมแสดงตน เพราะยังมีกฎหมายสำคัญต่อประชาชนที่ค้างการพิจารณาอยู่ รวมถึงการลงมติรับรองรายงานบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ หรือบำนาญ 3,000 บาท และใกล้ปิดสมัยประชุม การพิจารณากฎหมายจะถูกเลื่อนไปพิจารณาเดือนพฤษภาคม

เมื่อถึงคิวลงมติ เพื่อไทยแสดงตัวเป็นองค์ประชุมแค่ 2 คน จาก ส.ส.ทั้งหมด 131 คน แต่พรรคก้าวไกล แสดงตน 43 คน ไม่แสดงตน 8 คน จาก ส.ส.ทั้งหมด 51 คน (นับรวม ส.ส.งูเห่าที่ย้ายไปอยู่ขั้วรัฐบาล แต่ชื่อยังอยู่ในพรรคก้าวไกลแล้ว)

ดราม่าระหว่างพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล รอบล่าสุดจึงบังเกิดขึ้น เมื่อบรรดาติ่งส้มก้าวไกล-นางแบกเพื่อไทย ปะทะคารมในโลกทวิตเตอร์กันไปมา ถึงการโหวตยุทธศาสตร์ของฝ่ายค้าน ที่ต้องการใช้เกมสภา “ทดสอบ” เสียงข้าง โดยหวังให้สภาล่มบ่อย ๆ จะทำให้รัฐบาลไปต่อไม่ได้กระทั่งยุบสภา เป็นสิ่งที่ควร-ไม่ควรกระทำหรือไม่!

จากติ่งส้ม สู้กับ นางแบกเพื่อไทย ก็ลามไปถึง ส.ส.ทั้งสองขั้ว สองพรรค ทวิตตอบโต้กันไปมา

อาทิ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า “สภาเดียวกัน วันเดียวกัน เช้า ญัตติคลองไทย เขาแสดงตน โหวต บอกว่า ทำดีมาก พอสายหน่อย ญัตติต่อไปที่จะเข้า รายงาน #บำนาญ3000 บอกไม่แสดงตน จะนับองค์ เพื่อล้มรัฐบาล ด่าเราสาดเสียเทเสีย ถามจริง ทำไมถ้าคิดจะล้มรัฐบาลด้วยการทำสภาล่ม ทำไมไม่ทำกันตั้งแต่เรื่องแรกละครับ หรือ #ถนัดแทงข้างหลัง

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวานิช ส.ส.กทม.โฆษกพรรคเพื่อไทย ทวิตข้อความว่า ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ควรโฟกัสที่ ความไร้เสถียรภาพของรัฐบาล เป็นผลทำให้ #สภาล่ม ไม่ใช่มาโฟกัสที่ฝ่ายค้านไม่แสดงตนทำให้สภาล่ม!!! ฝ่ายค้านไม่แสดงตนตามมติพรรคร่วมน่ะถูกแล้ว ไม่ใช่ไปแสดงตนเพื่อแบกรัฐบาลเอาไว้ ฝากส่งเสียงนี้ให้ถึงผู้ที่สงสัย และ io ที่ต้องการโจมตีพรรคร่วมฝ่ายค้านค่ะ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ฝืนมติและทำผิดมารยาททางการเมือง ตนยืนยันว่าการแสดงตนของพรรคก้าวไกลในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่มีการพิจารณาร่างธรรมนูญศาลทหาร และ พ.ร.บ.สุรา ของก้าวไกลเข้าสภา เราได้มีการแจ้งให้พรรคร่วมฝ่ายค้านทราบล่วงหน้าตั้งแต่ประชุมแล้ว

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่มีรายงานคลองไทยเข้า มติพรรคร่วมกำหนดว่า ห้ามแสดงตน เพื่อทดสอบองค์ประชุมของรัฐบาล ส.ส.ก้าวไกลส่วนใหญ่ ยึดตามนั้น แต่ปรากฎว่าเป็นเพื่อไทยไม่ปฏิบัติตามมติ ก้าวไกลจึงตัดสินใจว่า เราจะยืนยันจุดยืนของเรา คือ การแสดงตนในวาระที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

“การเล่นเกมสภาล่ม เพื่อหวังให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยุบสภานั้นเปรียบเหมือนการขี่ช้างจับตั๊กแตน เพราะที่ผ่านมา เกิดเหตุสภาล่มมาแล้วหลายครั้ง หรือแม้กระทั่งได้รับเสียงไว้วางใจน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่เคยสนใจท่าทีของสภาเลย เรื่องคะเนกันว่าสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภาถ้าสภาล่มบ่อย ๆ เห็นล่มไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นจะยุบสักที”

นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ร่ายยาวในทวิตเตอร์ว่า 1.เหตุผลง่าย ๆ คือเป้าหมายหลักของพรรคเพื่อไทย คือการยุติการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ และการที่สภาล่ม เป็นสัญญานชี้ว่ารัฐบาลไม่อาจคุมเสียงข้างมากในสภาได้ จะเป็นตัวเร่งให้ยุบสภาเร็วขึ้นเหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์วันนี้ว่า ถ้าไม่อยากเลือกตั้ง สภาต้องไม่ล่มยืนยันครับ พรรคเพื่อไทยอยากเลือกตั้ง คืนอำนาจให้ประชาชน

2. เรื่อง พ.ร.บ.สุรา จริง ๆ คือ พ.ร.บ.สรรพสามิต เสนอโดย ส.ส.เท่า (เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.ก้าวไกล) มติพรรคเพื่อไทยคือแสดงตนและเห็นชอบกับ พ.ร.บ. แต่มติที่ไม่ร่วมแสดงตน คือญัตติของรัฐบาลที่ว่าจะขอส่ง พ.ร.บ.ให้รัฐบาลไปพิจารณาสองเดือน เพราะเป็นแค่เกมเตะถ่วงของรัฐบาลเท่านั้น และจะเสียเวลาประมาณ 4 เดือนเป็นอย่างต่ำ (2 ดือน ครม. อีก 1 เดือนปิดสมัยประชุม อีก 1 เดือนกลับมารอคิวตามวาระสภา)

และเมื่อกลับมายังสภา ทุกฝ่ายก็ทราบอยู่แล้วว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีทางผ่าน กม.จาก ส.ส.ฝ่ายค้านเด็ดขาด สุดท้ายก็ตก แต่เข้าใจทุกฝ่าย ว่าทางผู้เสนอย่อมประสงค์จำนำเสนอและฝากความคิดไว้ในสังคม แต่เมื่อไม่อาจเล็งผลเลิศ เพื่อไทยเลือกให้สภาล่ม เอา พล.อ.ประยุทธ์ไปไว ๆ ดีกว่า

3.วันนี้ สด ๆ ร้อน ๆ สภาล่มก่อนรายงานเรื่องบำนาญ ข้อเท็จจริงคือมีอีกหนึ่งรายงานก่อนจะถึงบำนาญ และรายงานเหล่านี้เป็นรายงานจาก กมธ.ศึกษามาเสนอสภา พรรคเพื่อไทยมีมติรับรายงานเรื่องบำนาญถ้วนหน้านี้ครับ แต่รายงานนี้ไม่ใช่การแก้กฎหมาย ไม่มีผลบังคับใช้

การไปบิดเบือนว่ารายงานนี้จะทำให้เกิดระบบบำนาญจริงเป็นเรื่องเท็จ เมื่อสภามีมติรับรายงาน จะต้องลงมติต่อว่าจะให้ส่งข้อสังเกตให้รัฐบาลหรือไม่ แต่การส่งข้อสังเกตไม่มีผลทางบังคับต่อรัฐบาล จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ดีไม่ดีไม่ได้อ่าน

สภาส่งเรื่องแบบนี้ไปรัฐบาลหลายครั้ง ไม่เห็นพล.อ.ประยุทธ์เอาไปทำซักเรื่อง สุดท้าย ขอบพระคุณสำหรับคำติชม แต่เมื่อเป็นมติจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อไทยยืนยันเดินตามมติ และไม่ขอเป็นองค์ประชุมให้ พล.อ.ประยุทธ์ยืดอายุต่อไปอีก ส.ส.อย่างผมยอมตกงาน ให้ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ เอา พล.อ.ประยุทธ์ออกไปครับ

นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ทวิตข้อความว่า จุดพลิกผันในวันนี้คือมีบางพรรค “แหก” ข้อตกลงที่จะไม่แสดงตนในวาระคลองไทย (และไม่แจ้งก่อนที่หน้างานด้วย) นั่นคือต้นตอของความวุ่นวายในสภาวันนี้ จนนำไปสู่ #สภาล่ม ย้ำ! วาระคลองไทยคือที่มาของปัญหาในวันนี้

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นตกค้างมาจากสงครามเลือกตั้งซ่อม หลักสี่-ดอนเมือง ที่พรรคเพื่อไทย กับ ก้าวไกล เป็น “คู่แข่ง” ตัดแต้มซึ่งกันและกัน ระหว่าง สุรชาติ เทียนทอง จากเพื่อไทย และ กรุณพล เทียนสุวรรณ จากก้าวไกล

ทุกเวทีปราศรัย พรรคเพื่อไทย ตั้งแคมเปญปูทางเพื่อไทยแลนด์สไลด์ “เลือกเพื่อไทย เลือกให้ชนะขาด” คีย์แมสเสจที่เพื่อไทยต้องการสื่อ คือ เลือกเพื่อไทยพรรคเดียว ห้ามเหลียวไปเลือกพรรคที่อยู่ฝ่ายเดียวกันอย่าง พรรคก้าวไกล เพราะอาจตัดแต้มกัน ไม่เช่นนั้นจะเสียท่าให้ฝ่ายรัฐบาล-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“สุทิน คลังแสง” กล่าวบนเวทีปราศรัยใหญ่เพื่อไทย เมื่อ 28 มกราคม ว่า “วันนี้มาถึงจุดหนึ่งเราต้องสู้ วันนี้คือ 30 มกราคม ทำไมเลือกตั้งซ่อมบางครั้งทำไมเพื่อไทยไม่ส่ง บางคนกล่าวหาสู้ไปกราบไป คุณไม่รู้จริง นี่คือสู้เป็น ถ้าสู้ไม่เป็นคือวิ่งไปให้เขาฆ่าตาย ก็เราถูกฆ่าตายไม่รู้กี่รอบ เราปรับตัวมาไม่รู้กี่รอบ เราสู้เป็น เราเลยไม่ตาย วันนี้ขู่สร้างกระแสยุบพรรค ยุบไปสิ บอกแล้วว่าจะตั้งพรรคเพื่อเธอ”

ส่วนแคมเปญของพรรคก้าวไกล “เลือกด้วยความหวัง ไม่ใช่ความกลัว” นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยตอบโต้ว่า“การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกตั้งด้วยความกลัวว่าจะชนะไหม กลัวว่าเลือกพี่แล้วน้องจะแพ้ กลัวรัฐประหาร กลัวว่าจะถูกยุบพรรค แต่ตราบใดที่นายพิธายังเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผมจะสู้กับความอยุติธรรมที่จะมาแน่นอน”

“ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องคณิตศาสตร์ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่บอกว่าให้เลือกอีกคนแล้วจะทำให้อีกคนแพ้ แต่ต้องเลือกด้วยความหวัง ต้องเลือกด้วยอนาคต ต้องเลือกว่าวันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ ไม่ใช่เลือกเพราะกลัวแพ้ ไม่ใช่เลือกตั้งเพราะกลัวว่ารัฐประหาร หากมีรัฐประหารเกิดขึ้น ผม เลขาธิการพรรคก้าวไกลและ ส.ส.ทุกคนจะไปยืนอยู่หน้าสภา หากมีปืนมายิงก็ให้รู้ไป”

“หากบอกว่าจะมีการยุบพรรคก็ต้องอยู่ให้เป็น อีกเวทีหนึ่งเพิ่งจะบอกมาว่าต้องสู้ให้เป็น ไม่เช่นนั้นจะถูกยุบพรรค แต่ถูกยุบพรรคแล้วยังไง ยุบอนาคตใหม่แล้วเป็นยังไง ปัดโถ่!”

ความสัมพันธ์ระหว่าง พรรคก้าวไกล-เพื่อไทย “ซ่อนดาบในรอยยิ้ม” ให้กันเสมอมา