อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร นำทีมเพื่อไทย คิกออฟ แจกผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า

อุ๊งอิ๊ง เปิดแคมเปญ “ผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า” ในวันสตรีสากล จ่อพัฒนาเป็นนโยบายเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการเปิดตัวงาน ‘นิทรรศกี เพื่อผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า’ เพื่อเผยแพร่การศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า โดยมีแกนนำของพรรค อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาพรรคด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรค นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ส.ส. และสมาชิกพรรค

ทั้งนี้ นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคมของทุกปี ในปีนี้มีธีมรณรงค์ว่า #BreakTheBias ปลดแอก อคติ การเหมารวม การเลือกปฏิบัติ และการกระทำที่มาพร้อมกับอคติทางเพศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกสังคมต้องร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน เพื่อสังคม เพื่อประเทศ เพื่อโลกที่เสมอกว่า ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องการผลักดันในปัจจุบัน

 

พรรคเพื่อไทยจึงได้งาน ‘นิทรรศกี เพื่อผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า’ เพื่อเผยแพร่การศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า รายละเอียดของการศึกษานโยบาย ทั้งแนวคิด งบประมาณ วิธีการดำเนินงาน โครงการนำร่องในพรรคเพื่อไทยโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม แสดงความคิดเห็นผ่านการชมนิทรรศการ และยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะเพื่อลดอคติที่มีต่อ ‘ผู้มีประจำเดือน’ และ ‘ผ้าอนามัย’

โดยศิลปินหญิง 3 คน ได้แก่ Juli baker and summer, Prim Issaree และ Pyra (ไพร่า) และตลอดเดือนมีนาคมจะมีการจัดเสวนาหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับผ้าอนามัย สิทธิแรงงาน และบทบาทของผู้หญิงในการต่อสู้ทางการเมือง เพื่อสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับผู้มีประจำเดือน ผ้าอนามัย ที่ควรต้องได้รับการตระหนักรู้ในทุกมิติ ตั้งแต่วันที่ 8-31 มีนาคม 2565 ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย

พร้อมทั้งมีหนังสือออนไลน์ ‘กี บุ๊ก’ ให้ผู้ที่สนใจ แต่ไม่ได้มาชมนิทรรศการได้ศึกษาข้อมูลในรูปแบบออนไลน์ด้วย เมื่อนิทรรศการสิ้นสุดลง คณะทำงานจะมีการรวบรวมความคิดเห็นของประชาชน เพื่อนำมาสู่การพัฒนาการศึกษานโยบายต่อไป

“การศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า ถือเป็นประตูบานใหญ่ที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับมุมมองใหม่ ๆ เป็นบันไดขั้นแรกของการศึกษาอัตลักษณ์ที่หลากหลาย และจะส่งผลถึงการสร้างนโยบายของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นการสร้างพื้นที่ทำงานร่วมกันระหว่างผู้มีประการณ์ในการทำงานเป็นรัฐบาลจริง และบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีมุมมองความสนใจที่หลากหลาย

เป็นการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่มีอยู่ และพัฒนาจุดอ่อนที่เราขาด ด้วยการสร้างการทำงานร่วมกัน เรากำลังผลัดใบบนต้นไม้ใหญ่ที่มั่นคงแข็งแรงต้นเดิม ทำให้การผลิตนโยบายในปัจจุบันได้รับแนวคิดที่รอบด้าน และคำนึงถึงความเป็นไปได้จริงภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ ซึ่งยังมีอีกหลายโครงการ หลายนโยบายที่พรรคกำลังศึกษา และรอเวลาเหมาะสมในการการเปิดเผยต่อไป” นางสาวธีรรัตน์ กล่าว

นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ที่ผ่านมามีประชาชนเรื่องร้องเรียนมายัง กมธ.เกี่ยวกับผ้าอนามัย 14 ครั้ง กมธ.ได้พิจารณาและเสนอเข้าสู่การพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติหลายครั้งเช่นกัน

เพราะยิ่งสถานการณ์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 ทำให้ผู้มีประจำเดือนได้รับผลกระทบต่อเนื่องรุนแรงมากขึ้น บางรายมีการนำผ้าขาวม้าใช้แทนผ้าอนามัย เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอ จึงมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้ช่วยให้ผู้หญิงซึ่งถือเป็นประชากรของไทยกว่าครึ่งประเทศได้รับสวัสดิการที่ดีกว่านี้

นายชานันท์ ยอดหงษ์ ผู้รับผิดชอบนโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ศึกษาออกแบบโครงการ ‘ผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า’ (Free Pads for All) เนื่องจากตระหนักดีว่า ประจำเดือนเป็นเรื่องธรรมชาติตามเพศสรีระ ที่บ่งบอกถึงวัยเจริญพันธุ์ของมนุษย์ ประจำเดือนและการใช้ผ้าอนามัยจึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และไม่ใช่ความรับผิดชอบของเพศใดเพศหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของสังคม

ทั้งนี้ในเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน กำลังหันไปสู่ความเท่าเทียมทางเพศ หลายประเทศมีนโยบายเกี่ยวข้องกับเรื่องประจำเดือน เช่น สกอตแลนด์ เป็นประเทศแรกที่ทำให้ผ้าอนามัยเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ฟรี หรือในหลายประเทศมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาษี ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ศึกษานโยบายนี้ในหลายประเทศเพื่อใช้เป็นต้นแบบและปรับให้สอดคล้องกับประเทศไทยมากที่สุด

นายชานันท์ กล่าวว่า จากการศึกษาในเบื้องต้นพบว่า ผู้ที่มีประจำเดือนต้องใช้ผ้าอนามัยเดือนละ 15-35 ชิ้น คิดเป็น 350-400 บาทต่อเดือน หรือ 4,800 บาทต่อปี หรือคิดเป็นค่าใช้จ่าย 192,000 บาทตลอดชีวิต ผู้มีประจำเดือนทุกคนต้องสูญเสียเงินหรือโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นเงินสูงถึงเกือบ 200,000 บาท ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำยังอยู่ที่ 331 บาทต่อวันเท่านั้น

นอกจากนี้ในการประเมินทางสถิติพบว่า 64.72% ของผู้เป็นประจำเดือนเข้าไม่ถึงผ้าอนามัยอย่างเพียงพอ บางรายต้องใส่ซ้ำ ต้องหยุดทำงาน หยุดเรียน หรือใช้วัสดุอย่างอื่นแทน เพื่อลดการใช้ผ้าอนามัยเพราะไม่สามารถเข้าถึงได้

พรรคเพื่อไทยจึงได้ผลักดันการศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้าด้วยจุดประสงค์ดังนี้ 1.ลดรายจ่ายประชาชน เพราะผ้าอนามัยคือรายจ่ายในครัวเรือน 2.ผู้มีประจำเดือนทุกคนต้องเข้าถึงสุขอนามัย 3.สนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ

นายชานันท์ กล่าวอีกว่า ผลการศึกษานโยบาย ‘ผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า ’ พรรคเพื่อไทยมองเห็นว่า หน่วยงานที่เหมาะสมที่สุดในการรับผิดชอบเรื่องนี้คือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งครอบคลุมประชาชนทุกพื้นที่ สามารถกระจายสิทธิประโยชน์เป็นมาตรฐานเดียวกัน

และต้องมีการก่อตั้ง “กองทุนส่งเสริมสุขภาวะทางเพศ” ในกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท รักษาทุกโรคเพื่อเป็นตัวกลางในการจัดสรรงบประมาณ นอกจากนี้ผลการศึกษาได้ออกแบบระบบการเข้าถึงผ้าอนามัยตามวิถีชีวิตที่แตกต่างกันของทุกกลุ่มประชากรไว้ 3 ช่องทางได้แก่

1.แจกผ่านหน่วยงานใต้การกำกับของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับผู้มีรายได้น้อย เด็กและเยาวชนในวัยเรียนแต่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา และผู้มีประจำเดือนในครอบครัวยากจน

2.แจกผ่านสถานบันการศึกษาตั้งแต่ประถมศึกษาตอนปลายถึงระดับมหาวิทยาลัย เรือนจำและสถานพินิจ

3.แจกผ่านแอปพลิเคชั่นของรัฐ โดยให้ประชาชนยืนยันสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชั่น สามารถเลือกรับผ้าอนามัยได้ทั้งรูปแบบ ขนาด และจำนวนที่ต้องการ พร้อมทั้งสามารถเลือกสถานที่รับ หรือเลือกให้จัดส่งตามสถานที่ที่ต้องการ

นายชานันท์กล่าวอีกว่า จากการคำนวณราคาผ้าอนามัย จำนวนผู้ใช้ และจำนวนการใช้ คาดว่างบประมาณทั้งหมดจะอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาทต่อปี (หรือคิดเป็น 0.6% ของงบประมาณแผ่นดินเท่านั้น) ซึ่งงบประมาณจะมาจาก Vat 7% จากผ้าอนามัย เป็นสัดส่วนประมาณ 5.04 พันล้านบาท คำนวณจากจำนวนการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตผ้าอนามัย และรัฐบาลต้องสนับสนุนงบเพิ่มเติมประมาณ 1-1.3 หมื่นล้านบาทต่อปี