อุ๊งอิ๊ง เปิดแคมเปญ “ผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า” ในวันสตรีสากล จ่อพัฒนาเป็นนโยบายเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการเปิดตัวงาน ‘นิทรรศกี เพื่อผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า’ เพื่อเผยแพร่การศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า โดยมีแกนนำของพรรค อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาพรรคด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรค นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ส.ส. และสมาชิกพรรค
ทั้งนี้ นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคมของทุกปี ในปีนี้มีธีมรณรงค์ว่า #BreakTheBias ปลดแอก อคติ การเหมารวม การเลือกปฏิบัติ และการกระทำที่มาพร้อมกับอคติทางเพศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกสังคมต้องร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน เพื่อสังคม เพื่อประเทศ เพื่อโลกที่เสมอกว่า ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องการผลักดันในปัจจุบัน
พรรคเพื่อไทยจึงได้งาน ‘นิทรรศกี เพื่อผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า’ เพื่อเผยแพร่การศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า รายละเอียดของการศึกษานโยบาย ทั้งแนวคิด งบประมาณ วิธีการดำเนินงาน โครงการนำร่องในพรรคเพื่อไทยโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม แสดงความคิดเห็นผ่านการชมนิทรรศการ และยังมีการจัดแสดงผลงานศิลปะเพื่อลดอคติที่มีต่อ ‘ผู้มีประจำเดือน’ และ ‘ผ้าอนามัย’
โดยศิลปินหญิง 3 คน ได้แก่ Juli baker and summer, Prim Issaree และ Pyra (ไพร่า) และตลอดเดือนมีนาคมจะมีการจัดเสวนาหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับผ้าอนามัย สิทธิแรงงาน และบทบาทของผู้หญิงในการต่อสู้ทางการเมือง เพื่อสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับผู้มีประจำเดือน ผ้าอนามัย ที่ควรต้องได้รับการตระหนักรู้ในทุกมิติ ตั้งแต่วันที่ 8-31 มีนาคม 2565 ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย
พร้อมทั้งมีหนังสือออนไลน์ ‘กี บุ๊ก’ ให้ผู้ที่สนใจ แต่ไม่ได้มาชมนิทรรศการได้ศึกษาข้อมูลในรูปแบบออนไลน์ด้วย เมื่อนิทรรศการสิ้นสุดลง คณะทำงานจะมีการรวบรวมความคิดเห็นของประชาชน เพื่อนำมาสู่การพัฒนาการศึกษานโยบายต่อไป
“การศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า ถือเป็นประตูบานใหญ่ที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับมุมมองใหม่ ๆ เป็นบันไดขั้นแรกของการศึกษาอัตลักษณ์ที่หลากหลาย และจะส่งผลถึงการสร้างนโยบายของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นการสร้างพื้นที่ทำงานร่วมกันระหว่างผู้มีประการณ์ในการทำงานเป็นรัฐบาลจริง และบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีมุมมองความสนใจที่หลากหลาย
เป็นการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งที่มีอยู่ และพัฒนาจุดอ่อนที่เราขาด ด้วยการสร้างการทำงานร่วมกัน เรากำลังผลัดใบบนต้นไม้ใหญ่ที่มั่นคงแข็งแรงต้นเดิม ทำให้การผลิตนโยบายในปัจจุบันได้รับแนวคิดที่รอบด้าน และคำนึงถึงความเป็นไปได้จริงภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ ซึ่งยังมีอีกหลายโครงการ หลายนโยบายที่พรรคกำลังศึกษา และรอเวลาเหมาะสมในการการเปิดเผยต่อไป” นางสาวธีรรัตน์ กล่าว
นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ที่ผ่านมามีประชาชนเรื่องร้องเรียนมายัง กมธ.เกี่ยวกับผ้าอนามัย 14 ครั้ง กมธ.ได้พิจารณาและเสนอเข้าสู่การพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติหลายครั้งเช่นกัน
เพราะยิ่งสถานการณ์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 ทำให้ผู้มีประจำเดือนได้รับผลกระทบต่อเนื่องรุนแรงมากขึ้น บางรายมีการนำผ้าขาวม้าใช้แทนผ้าอนามัย เนื่องจากรายได้ไม่เพียงพอ จึงมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้ช่วยให้ผู้หญิงซึ่งถือเป็นประชากรของไทยกว่าครึ่งประเทศได้รับสวัสดิการที่ดีกว่านี้
นายชานันท์ ยอดหงษ์ ผู้รับผิดชอบนโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้ศึกษาออกแบบโครงการ ‘ผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า’ (Free Pads for All) เนื่องจากตระหนักดีว่า ประจำเดือนเป็นเรื่องธรรมชาติตามเพศสรีระ ที่บ่งบอกถึงวัยเจริญพันธุ์ของมนุษย์ ประจำเดือนและการใช้ผ้าอนามัยจึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และไม่ใช่ความรับผิดชอบของเพศใดเพศหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของสังคม
ทั้งนี้ในเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน กำลังหันไปสู่ความเท่าเทียมทางเพศ หลายประเทศมีนโยบายเกี่ยวข้องกับเรื่องประจำเดือน เช่น สกอตแลนด์ เป็นประเทศแรกที่ทำให้ผ้าอนามัยเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ฟรี หรือในหลายประเทศมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาษี ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ศึกษานโยบายนี้ในหลายประเทศเพื่อใช้เป็นต้นแบบและปรับให้สอดคล้องกับประเทศไทยมากที่สุด
นายชานันท์ กล่าวว่า จากการศึกษาในเบื้องต้นพบว่า ผู้ที่มีประจำเดือนต้องใช้ผ้าอนามัยเดือนละ 15-35 ชิ้น คิดเป็น 350-400 บาทต่อเดือน หรือ 4,800 บาทต่อปี หรือคิดเป็นค่าใช้จ่าย 192,000 บาทตลอดชีวิต ผู้มีประจำเดือนทุกคนต้องสูญเสียเงินหรือโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นเงินสูงถึงเกือบ 200,000 บาท ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำยังอยู่ที่ 331 บาทต่อวันเท่านั้น
นอกจากนี้ในการประเมินทางสถิติพบว่า 64.72% ของผู้เป็นประจำเดือนเข้าไม่ถึงผ้าอนามัยอย่างเพียงพอ บางรายต้องใส่ซ้ำ ต้องหยุดทำงาน หยุดเรียน หรือใช้วัสดุอย่างอื่นแทน เพื่อลดการใช้ผ้าอนามัยเพราะไม่สามารถเข้าถึงได้
พรรคเพื่อไทยจึงได้ผลักดันการศึกษานโยบายผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้าด้วยจุดประสงค์ดังนี้ 1.ลดรายจ่ายประชาชน เพราะผ้าอนามัยคือรายจ่ายในครัวเรือน 2.ผู้มีประจำเดือนทุกคนต้องเข้าถึงสุขอนามัย 3.สนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ
นายชานันท์ กล่าวอีกว่า ผลการศึกษานโยบาย ‘ผ้าอนามัยฟรีถ้วนหน้า ’ พรรคเพื่อไทยมองเห็นว่า หน่วยงานที่เหมาะสมที่สุดในการรับผิดชอบเรื่องนี้คือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งครอบคลุมประชาชนทุกพื้นที่ สามารถกระจายสิทธิประโยชน์เป็นมาตรฐานเดียวกัน
และต้องมีการก่อตั้ง “กองทุนส่งเสริมสุขภาวะทางเพศ” ในกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท รักษาทุกโรคเพื่อเป็นตัวกลางในการจัดสรรงบประมาณ นอกจากนี้ผลการศึกษาได้ออกแบบระบบการเข้าถึงผ้าอนามัยตามวิถีชีวิตที่แตกต่างกันของทุกกลุ่มประชากรไว้ 3 ช่องทางได้แก่
1.แจกผ่านหน่วยงานใต้การกำกับของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับผู้มีรายได้น้อย เด็กและเยาวชนในวัยเรียนแต่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา และผู้มีประจำเดือนในครอบครัวยากจน
2.แจกผ่านสถานบันการศึกษาตั้งแต่ประถมศึกษาตอนปลายถึงระดับมหาวิทยาลัย เรือนจำและสถานพินิจ
3.แจกผ่านแอปพลิเคชั่นของรัฐ โดยให้ประชาชนยืนยันสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชั่น สามารถเลือกรับผ้าอนามัยได้ทั้งรูปแบบ ขนาด และจำนวนที่ต้องการ พร้อมทั้งสามารถเลือกสถานที่รับ หรือเลือกให้จัดส่งตามสถานที่ที่ต้องการ
นายชานันท์กล่าวอีกว่า จากการคำนวณราคาผ้าอนามัย จำนวนผู้ใช้ และจำนวนการใช้ คาดว่างบประมาณทั้งหมดจะอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาทต่อปี (หรือคิดเป็น 0.6% ของงบประมาณแผ่นดินเท่านั้น) ซึ่งงบประมาณจะมาจาก Vat 7% จากผ้าอนามัย เป็นสัดส่วนประมาณ 5.04 พันล้านบาท คำนวณจากจำนวนการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตผ้าอนามัย และรัฐบาลต้องสนับสนุนงบเพิ่มเติมประมาณ 1-1.3 หมื่นล้านบาทต่อปี