ครม. อนุมัติจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุพิเศษ 100-250 บาท 4 เดือน

ผู้สูงอายุ

ครม. อนุมัติวงเงิน 8,300 ล้านบาท จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุพิเศษ 4 เดือน (เมษายน-กรกฎาคม 2565) เริ่ม 19 ก.ค. นี้ 

วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ประเทศไทยในวันนี้มีปัญหาหลายอย่างที่เราต้องร่วมมือแก้ไข และตนกับรัฐบาลพยายามบริหารจัดการอย่างเต็มที่เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะเศรษฐกิจ

ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่มาจากวิกฤตพลังงานของโลกที่เกิดขึ้น และตนเข้าใจดี ครม.ก็เข้าใจถึงความลำบากของประชาชนในยามนี้ ขอให้มั่นใจว่าประเทศไทยมีแผนยุทธศาสตร์เพื่อรองรับสถานการณ์ ระยะสั้น 3 เดือน ระยะกลาง 6 เดือน และระยะยาว 1 ปี เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะไม่ขาดแคลนทั้งด้านพลังงานและอาหาร

เราได้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อเร่งรัดจัดทำมาตรการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ในการประชุม ครม.ในวันนี้มีการอนุมัติการจัดสรรงบกลางปี 2565 ที่เคยเห็นชอบในหลักการไปแล้ว เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษแก่ผู้สูงอายุตามระดับอายุ 10.9 ล้านคน วงเงิน 8,300 ล้านบาท ทั้งนี้ โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมเป็นจำนวนเดือนละ 100-250 บาทต่อคนต่อเดือน

ภายในกรกฎาคมนี้จะเริ่มจ่ายเงินตรงให้ผู้สูงอายุเป็นครั้งแรก เป็นจำนวน 4 เดือน และจ่ายให้อีกทุกเดือนจนถึงเดือนกันยายน แม้ว่าจะน้อย ไม่มากนัก แต่ยามนี้ก็ช่วยเหลือผู้สูงอายุไม่มากก็น้อย ในยามนี้เราต้องหาทางช่วยกัน รัฐบาลก็พยายามทำเท่าที่เราสามารถทำได้ ที่ไม่มีผลต่องบประมาณโดยรวมมากนัก

ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน 8,382.2 ล้านบาท จ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุจำนวน 10.95 ล้านคน เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2565 ตามที่มติ ครม. เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2565 อนุมัติหลักการให้จ่ายช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ (เฉลี่ยรายละ 100-250 บาท/คน/เดือนตามช่วงอายุ) โครงการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เมษายน-กันยายน 2565 มีสิทธิ 4 กลุ่ม ดังนี้

  • อายุ 60-69 ปี ( จำนวน 6.5 ล้านคน) อัตราเงินช่วยเหลือ 100 บาท/คน/เดือน
  • อายุ 70-79 ปี (จำนวน 3.0 ล้านคน) อัตราเงินช่วยเหลือ 150 บาท/คน/เดือน
  • อายุ 80-89 ปี (จำนวน 1.2 ล้านคน) อัตราเงินช่วยเหลือ 200 บาท/คน/เดือน
  • อายุ 90 ปี ขึ้นไป (จำนวน 1.9 แสนคน) อัตราเงินช่วยเหลือ 250 บาท/คน/เดือน

ปัจจุบันได้รับการยืนยันข้อมูลจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา พบว่ามีผู้สูงอายุกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,946,646 คน เพิ่มขึ้นจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2565 จำนวน 50,202 คน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้ลงทะเบียนของกลุ่มผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยสูงอายุ ที่นับรวมผู้สูงอายุที่จะครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปี 2565 วงเงินงบประมาณจำนวน 8,382.2 ล้านบาท

สำหรับแผนการจ่ายเงินครั้งแรก กำหนดงวดที่หนึ่ง ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 นี้ เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษครั้งเดียวสำหรับ 4 เดือน (เมษายน-กรกฎาคม 2565) ครั้งที่สอง 19 สิงหาคม 2565 สำหรับเดือนสิงหาคม และครั้งที่สาม 19 กันยายน สำหรับเดือนกันยายน 2565 โดยวิธีการดำเนินการการจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษผู้สูงอายุ จะดำเนินการทั้งในรูปแบบการจ่ายเข้าบัญชีธนาคาร โดยกรมบัญชีกลาง และการจ่ายเงินสดให้กับผู้สูงอายุ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา