สุทินไม่ไว้วางใจกัญชาเสรี ชี้อนุทินมีผลประโยชน์ทับซ้อน

สุทิน คลังแสง
สุทิน คลังแสง

สุทิน คลังแสง อภิปรายไม่ไว้วางใจอนุทิน รมว.สาธารณสุข ปมกัญชาเสรี บริษัทลูกซิโนไทยมีผลประโยชน์ทับซ้อน แถมละเมิดกฎระหว่างประเทศ เผยโดนฤทธิ์กัญชามากับตัว ต้องคลานขึ้นบันได

วันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันแรกโดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ทั้งนี้ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เรื่องนโยบายกัญชาเสรี

โดยนายสุทินกล่าวว่า ทั้ง 2 ท่าน ร่วมกันกำหนดและจัดให้มีนโยบายกัญชาเสรี ด้วยความไม่สุจริตใจเป็นที่ตั้ง นำมาซึ่งการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ดำเนินนโยบายโดยละเมิดรัฐธรรมนูญ ละเมิดมติรัฐสภาไทย และยังละเลย ละเว้นไม่ควบคุมกัญชาในสิ่งที่ควรจะเป็น นำมาซึ่งความเสียหายของประชาชนและประเทศ

เรื่องกัญชาเสรี มีประชาชนทั้งที่ฝ่ายอยากได้ และฝ่ายต่อต้าน ทั้ง 2 ฝ่ายเดิมพันด้วยธุรกิจก็มี ดังนั้น ที่ตนอภิปรายอาจไปกระทบใจประชาชนบางส่วน หรือกระทบธุรกิจที่ลงทุนไว้ 100 ล้าน 1,000 ล้าน รวมถึงรายเล็ก รายใหญ่ แต่ที่ตนอภิปรายวันนี้อาจจะเป็นการช่วยไม่ให้ธุรกิจเจ๊งในวันหน้า

ตนเคารพนับถือนายอนุทิน ก็เคารพกัน ไม่อยากทำให้โกรธ แต่การอภิปรายของตน หากนายอนุทินอาจได้ชี้แจง ตนอาจกลายเป็นผู้ร้าย นายอนุทินเป็นพระเอกก็ได้ ทั้งนี้ ในช่วงเวลาเกือบเดือนมีผู้ปกครองมาพบเยอะเพราะเป็นห่วงลูกหลาน ครูบาอาจารย์ก็มาบอกว่า เด็กวันนี้พี้กัญชาในห้องเรียน ถ้าตนไม่พูดใครจะพูด เพราะตนกินเงินเดือนชาวบ้าน

นายสุทินกล่าวว่า เมื่อรัฐบาลนำมาเป็นนโยบายรัฐบาลก็ถือว่าผิดอนุสัญญาเดี่ยวยาเสพติดให้โทษ 1961 ขององค์การสหประชาชาติ ที่ทั่วโลกไปลงนามกัน 190 กว่าประเทศ  ประเทศไทยก็ไปลงนามกับเขา และอนุสัญญาตามมา 2 ฉบับ เราลงหมด และประกาศสัตยาบัน และมีผลผูกพันที่รัฐบาลต้องไปปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญา

โดยกัญชาคือยาเสพติดชนิดที่ 4 เป็นประเภทที่ไม่ใช้ในทางการแพทย์ กำหนดไว้อย่างตึงเครียด เข้มงวด จนต่อมาพบว่ากัญชาเริ่มมีประโยชน์ จึงให้ใช้ในทางการแพทย์ ปี 2020 ย้ายจากประเภทที่ 4 มาเป็นประเภทที่ 1 คือยาเสพติดร้ายแรง แต่อนุโลมให้ใช้ทางการแพทย์และการวิจัยเท่านั้น แต่จะเอามาขายในเชิงพาณิชย์ไม่ได้

ดังนั้น การที่เราถอดกัญชาออกจากยาเสพติด  ถือว่าละเมิดกติกาโลก ละเมิดรัฐสภา เพราะมติรัฐสภาไม่ได้ให้ไปปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด แม้ให้ทำแต่ก็ทำได้แต่ทางการแพทย์และการวิจัย แต่กระทรวงสาธารณสุขเลยเถิดให้เกิดอุตสาหกรรม ส่งเสริมให้เสพได้ แสดงว่าละเมิดมติสภาไทย ถามว่าในสภาไม่รู้ ไม่ท้วงติง แต่ท้วงติงมาตลอด แต่น้ำท่วมปาก

คนแรกที่ออกมาเตือนคือเลขาธิการองค์การอาหารและยาที่ออกมาเตือนว่าโลกยังไม่ปลดล็อกเรื่องกัญชายาเสพติด แต่ถูกเด้ง แต่ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ แต่เด้งหลังจากเขาออกมาเตือนเรื่องนี้ อีกทั้งในการประชุมคณะรัฐมนตรี 24 มกราคม 2564 ก่อนจะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ทักท้วงเรื่องไม่ขัดกับอนุสัญญาเดี่ยวของสหประชาชาติหรือ และนายอนุทินก็ลุกขึ้นตอบว่าไม่จริง อนุสัญญาเดี่ยวไม่บังคับว่าต้องให้กัญชาเป็นยาเสพติด ซึ่งนายอนุทินเข้าใจผิดหรือโกหกรัฐมนตรีด้วยกัน

“แต่คนที่ปิดเกมคือ พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นกล่าวว่า เรื่องอนุสัญญาเดี่ยวเอาไว้ก่อน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เอากัญชาสำเร็จตามนโยบายรัฐบาลก่อน จึงอยากถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า เรื่องอนุสัญญาเดี่ยวเอาไว้ก่อน หมายความว่าอย่างไร หมายถึงเรื่องที่เราจะอยู่ได้เอาไว้ก่อนใช่หรือไม่ เพราะกลัวพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวหรือเปล่า นี่คือความผิดกระทงแรก”

นายสุทินกล่าวว่า นอกจากนี้ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 66 ที่ระบุว่า ให้ความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ ก็คือสหประชาชาติ เมื่อความผิดสำเร็จ ยูเอ็นจะส่งคนเข้ามาสำรวจ และไปชี้แจงยูเอ็น หลังจากนี้จะขึ้นบัญชีว่าเราละเมิดกฎคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (INCB) และเสียสิทธิทางยา ในที่สุดอาจถึงขั้นงดให้ความร่วมมือเรื่องการปราบปรามยาเสพติดกับประเทศเรา ถ้าเรายังดื้อก็ขับเราออกจากภาคี แล้วเกียรติภูมิประเทศเราจะเหลืออะไร

“นอกจากนี้ รัฐบาลส่งสัญญาณผิด ให้คนรับรู้ข้อมูลผิดว่า กัญชาคือยาวิเศษ คือขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิต คนจึงเชื่อว่ากัญชามีคุณอนันต์เต็มเลย คนก็แห่ว่ากัญชาเป็นประโยชน์ ผมก็โดนกับตัวเอง มีนัดกินข้าวกับเพื่อน คือ ทูตเพื่อนบ้าน มาตั้งวงกินกันที่บ้านหลังหนึ่ง อีกคนหนึ่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และอดิศร เพียงเกษ เขาบอกว่ามีเมนูดี มีต้ม ผัดกัญชามาเพียบ ผมก็ซัดเลย โดยไม่ได้ดูว่ามีดอกกัญชาอยู่ด้วย ไม่นาน ผมก็ไปแล้ว เวียนหัว หายใจไม่ออก จึงหลบหนีโดยไม่บอกใคร อาการผมคลานขึ้นบันได ขึ้นเครื่องบินไฟลต์เช้า ต้องเปลี่ยนเป็นไฟลต์บ่าย ส่วนนายอดิศรขับรถกลับบ้านผิดหลัง แต่ นพ.ชลน่านไม่เป็นอะไร เพราะเขาเป็นหมอ” นายสุทินกล่าว

นายสุทินกล่าวว่า มีประโยชน์ทับซ้อนเรื่องกัญชา 1.ผลประโยชน์ทางการเมือง พูดไปแล้วต้องทำ นายกฯ ก็ทำเพื่อการเมือง อยากอยู่ต่อเท่านั้น ไม่มีภาวะผู้นำ เพียงแต่อยากอยู่ในตำแหน่ง ยอมทุกอย่าง ไม่คำนึงถึงประชาชน ไม่คำนึงถึงเด็ก ถ้าพรรคภูมิใจไทยถอนตัวฉันเจ๊ง

2.มีการบอกว่า มีนักการเมืองใหญ่ไปทำไร่กัญชาในประเทศเพื่อนบ้านเป็นหมื่น เป็นแสนไร่ เขารู้ เขาดูทีวี ลือกันหมดว่านักการเมืองใหญ่ไปทำไร่กัญชาที่ลาว และบริษัทยักษ์ใหญ่วันนี้ทำธุรกิจไว้หมด หลังวันที่ 9 กรกฎาคมปั๊บ ดอกกัญชาวางขายในร้านสะดวกซื้อ ถามว่าวางแผนไว้ก่อนหรือไม่ถึงทำ

นอกจากนี้ มีคนกระซิบว่า มีบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นแอบมาตกลงกับนักการเมืองไทย แต่ที่สำคัญที่สุด ถ้าไม่พูดจะหาว่านายสุทินล้มมวย โดยมีข่าวตีพิมพ์ว่าบริษัท STPI เครือซิโนไทย ลุยธุรกิจกัญชงเต็มที่  ตนเข้าไปดู พบว่า ไม่ใช่ข่าวโคมลอย เป็นการแจ้งเปลี่ยนธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากนี้ทำธุรกิจเหล็กก็จะมาทำธุรกิจกัญชงแล้ว คนที่ถือหุ้นเยอะคือครอบครัวชาญวีรกูล

แต่นายอนุทินได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้แจ้งบัญชีทรัพย์สิน โดยโอนไปให้ บลจ.เกียรตินาคินภัทร บริหารจัดการทรัพย์สิน แต่บริษัทเกียรตินาคินภัทร ก็ไปถือหุ้นใน STPI  แต่สิ่งสำคัญที่สุด บลจ.เกียรตินาคินภัทร ก็ต้องได้ประโยชน์จากการปันส่วนผู้ถือหุ้น ถ้าเกียรตินาคินภัทรได้ จะตกถึงท่านไหม ถ้าตกถึงท่านก็ผลประโยชน์ทับซ้อน

“ที่ว่ามาทั้งหมด นายกฯไม่อนุญาต ไม่เห็นด้วย ไม่ให้ทำ เรื่องนี้ไม่สำเร็จ จะโทษนายอนุทินคนเดียวไม่ได้ ทั้ง 2 คนต้องรับผิดชอบด้วยกัน” ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว

นายสุทินกล่าวว่า คุ้มครองนักธุรกิจทั้งหลายที่มาทำกัญชา กัญชง และขอเป็นธรรมให้ธุรกิจชุมชน การปลูกกัญชาวันนี้ที่จะได้สารครบถ้วนตามที่จะแปรรูปเป็นยา ต้องมีสาร THC เข้มข้นได้ระดับ ถ้าจะปลูกให้ได้สารเข้มข้น ต้องปลูกในโรงเรือนปิด ดินที่นำมาปลูกต้องได้ตามสเป็ก อากาศต้องได้ มีการลงทุนโรงเรือนอย่างต่ำ 20 ล้านบาท แล้ววิสาหกิจชุมชนมีปัญญาไหม แล้วชาวบ้านที่ปลูกบ้านละ 10 ต้น ก็ไม่มีทางขายได้

เพราะปลูกไม่ได้สเป็ก สาร THC ไม่ครบ และมีการยอมรับในกรรมาธิการว่าจะไม่ให้ประชาชนขายแล้ว ประชาชนก็ถูกหลอก ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นเศรษฐกิจครอบครัวจริง ถ้าขายไม่ได้ก็ให้ไปกินในครอบครัว ต้มรักษาโรค และเอาไว้เสพ

วันนี้กัญชาไปไกลถึงระดับครอบครัว รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจกต้นกล้ากัญชา ถ้าจะให้ทั้งแผ่นดิน กรุณาควบคุม ผมและพรรคเพื่อไทยไม่ได้คัดค้านกัญชา นโยบายกัญชาเสรีก็ไม่คัดค้าน แต่มีทางที่จะทำได้โดยไม่มีผลกระทบ

ถ้านายอนุทินยังอยู่ กัญชาจะต้องเตลิดไปไกลกว่านี้มาก เพราะแค่นี้เราก็วิตกจนขนหัวลุกแล้ว และยิ่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนต้องตอบชาวบ้าน