เพื่อไทยถล่มจุรินทร์ แฉถุงมือยางภาค 2 ปล่อยคนใกล้ชิดฟอกเงิน 1.8 พันล้าน

ที่รัฐสภา อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่ 20 ก.ค. 2565
ที่รัฐสภา อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่ 20 ก.ค. 2565

ประเสริฐ เพื่อไทย ถล่มจุรินทร์ ถุงมือยางภาค 2 ปล่อยให้คนใกล้ชิดฟอกเงิน 1,800 ล้านบาท จวกประยุทธ์เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ กลัวเก้าอี้นายกฯสะเทือน เตรียมนำข้อมูลใหม่ ยื่น ป.ป.ช.

วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 เวลา 08.35 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 จำนวน 11 คน เป็นวันที่สอง โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม

นายศุภชัยได้แจ้งที่ประชุมว่า การอภิปรายวันนี้ฝ่ายค้านจะเริ่มที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตามด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง,

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส), พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

สำหรับการอภิปรายวันแรกได้ใช้เวลาไปแล้ว 14 ชั่วโมง 10 นาที แบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้เวลาไปแล้ว 2 ชั่วโมง 18 นาที พรรคร่วมรัฐบาลใช้เวลาไป 12 นาที พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้เวลา 11 ชั่วโมง 18 นาที คงเหลือเวลา 33 ชั่วโมง 41 นาที ขณะที่ประธานที่ประชุมใช้เวลาไป 21 นาที

จากนั้นเวลา 08.40 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์และนายจุรินทร์ในข้อกล่าวหาการทุจริตถุงมือยางภาค 2 ว่า พล.อ.ประยุทธ์รู้ถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) และทราบดีว่ามีความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงในวงเงิน 2,000 ล้านบาท แต่กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใด ๆ จนเกิดความเสียหายขึ้น และปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามเงินที่หายไป 2,000 ล้านบาทกลับคืนมาได้

พล.อ.ประยุทธ์กลับทำตัวเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ แบบปากว่าตาขยิบ รู้ว่านายจุรินทร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตแต่เกรงใจไม่กล้าปลดนายจุรินทร์ออกจากตำแหน่ง ด้วยเกรงว่าหากปลดแล้วสถานะในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอาจจะไม่มั่นคง เพราะนายจุรินทร์อาจจะถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จึงจำเป็นต้องปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจในการทุจริตที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ นายจุรินทร์มีพฤติกรรมที่ฉ้อฉล ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รู้เห็นให้มีการปล่อยทุจริตเกิดขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ทุจริตนั้นเป็นบุคคลใกล้ชิดและตนแต่งตั้งขึ้นมา พฤติการณ์ของนายจุรินทร์คือไม่อายัดเงินให้ทันต่อเหตุการณ์ และยังมีเจตนาทอดเวลาจนในที่สุดกลุ่มผู้ทำความผิดได้นำเงินที่ได้จากการทุจริตจำนวน 2,000 ล้านบาทไปทำการฟอกเงิน และกระจายเงินไปตามบัญชีต่าง ๆ จนไม่สามารถติดตามมาได้

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า จากการอภิปรายของตนครั้งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เห็นได้ชัดว่าการทุจริตเกิดขึ้นจริง เงิน 2,000 ล้านบาท ยังติดตามคืนไม่ได้ ผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตยังใช้ชีวิตหรูหรา ใช้นาฬิกายี่ห้อริชาร์ดมิลล์ ซื้อรถลัมโบร์กินี รถบีเอ็มดับบลิว และบ้านใหม่หลายล้านบาท ลอยนวลในสังคมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นายปราเสริฐกล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ต่อมา ป.ป.ช.ได้ทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 จำนวน 22 ราย มีการไต่สวนเบื้องต้นเห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ามีมูลความผิดจริงจน ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา โดยเฉพาะประธานบอร์ดองค์การคลังสินค้า แต่นายจุรินทร์ไม่สนใจปล่อยให้ทำหน้าที่ต่อไปจนหมดวาระ และไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน

พฤติกรรมของนายจุรินทร์อ้าง ผอ.องค์การคลังสินค้าว่ามีรายงานให้ตน 4 ครั้ง เพราะกลัวภัยจะมาถึงตัวและเคยตอบในสภา ว่าตนเองเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์ ผมคิดว่าถ้าเป็นแค่นั้นอย่ามาเป็นรัฐมนตรีเลย แต่กลับปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งที่กฎหมายให้อำนาจ

วันนี้ผมมาทวงถามให้นายจุรินทร์ได้ตอบว่าเคยมีหนังสือไปบอร์ดองค์การคลังสินค้าหรือไม่ในเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตที่เกิดขึ้น สิ่งที่นายจุรินทร์เคยพูดในสภา เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 ว่าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจะไม่มีละเว้น แม้แต่ประธานบอร์ด จงใจละเว้นไม่ปลดผอ.องค์การคลังสินค้า ปล่อยให้ดำรงตำแหน่งต่ออีกเกือบ 1 ปีเพื่อป้องกันไม่ให้ภัยมาถึงตัว อีกทั้งยังแต่งตั้งบุคคลที่มีประวัติไม่ชอบมาพากลเรื่องหน้ากากอนามัยขาดแคลน และมีราคาแพง

ประชาชนเดือดร้อนถ้วนหน้าในช่วงตอนต้นที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 มาเป็น ผอ.องค์การคลังสินค้าคนใหม่ เพราะมีความสนิทสนมกับครอบครัว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนายจุรินทร์เป็นอย่างมาก

เมื่อนายจุรินทร์ทราบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง แต่ไม่อายัดเงินให้ทันสถานการณ์ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย โดยผู้กระทำความผิดมีการฟอกเงิน 2,000 ล้านบาทอย่างเปิดเผย ไร้ยางอาย ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2563 และมีการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จในการอออกหนังสือรับรองยอดเงินฝาก

จนกระทั่งวันที่ 29 กันยายน 2563 ป.ป.ช.มีมติอายัดบัญชีเงินดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหาย 2 เรื่องต่อไปนี้ คือ 1.ผู้กระทำความผิดได้มีการฟอกเงิน และ 2.มีการสร้างหลักฐานเท็จในการออกเอกสารรับรองยอดเงินฝาก เพื่อนำยอดเงินฝากไปจดทะเบียนที่สำนักทะเบียนหุ้นส่วนจังหวัดนครปฐม

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ในส่วนที่มีการฟอกเงินจำนวน 2,000 ล้านบาทอย่างเปิดเผย เนื่องจากไม่มีการรีบอายัดเงินในบัญชีให้ทันกับสถานการณ์ ทั้ง ๆ ที่มีเวลาเพียงพอ ในการดำเนินการแต่กลับไม่ทำ ภายหลังเงินออกจากบัญชีหมดแล้วจึงค่อยมีการดำเนินการอายัดตามไทม์ไลน์ต่อไปนี้ คือ วันที่ 2 กันยายน 2563 บ.แห่งหนึ่ง รับโอนเงินจาก อคส. 2,000 ล้านบาท เป็นค่ามัดจำ วันที่ 14 กันยายน 2563 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รับทราบเรื่องการทุจริต

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติอายัดบัญชีเงิน 2,000 ล้านบาท เรียกว่า 27 วันมีการปล่อยปละละเลยให้มีการฟอกเงินอย่างไร้ยางอาย นายจุรินทร์ปล่อยให้มีการฟอกเงินโดยไม่มีการอายัดเงิน ซึ่งการไม่อายัดเงินในครั้งนี้ส่งผลให้ผู้กระทำการทุจริตมีการกระจายเงินไปยังบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยการเบิกเงินสด โอนเงินสด สร้างนอมินีรับเงินโอน หรือเรียกว่าบัญชีม้า ในลักษณะปกปิดอำพรางเพื่อนำเงินหรือทรัพย์สินจากการกระทำความผิดไปแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ในรูปแบบกระจายเงินสดจำนวน 1,800 ล้านบาท ที่บริษัท การ์เดียน โกลฟส์ จำกัดนั้น ได้รับแล้ว และมีการโอนไปมาระหว่าง บ.การ์เดียนฯ กับบัญชีอื่น ๆ

บัญชีที่ 1 มีการถอนเงินสดระหว่างวันที่ 3 กันยายน-3 พฤศจิกายน 2563 เป็นจำนวนเงิน 56.33 ล้านบาท ซึ่งมีการถอนออกจากธนาคารหลายแห่ง ส่วนมากอยู่ในจังหวัดนครปฐม ทั้งนี้ ตนมีข้อสังเกตว่า การถอนเงินจำนวนมากจากธนาคารปกติ ธนาคารจะไม่สำรองเงินไว้เป็นเงินสดไม่ถึง 10 ล้านบาท

แต่การถอนเงินครั้งนี้มีการเตรียมตัว เหมือนกับธนาคารเอาเงินมารอ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องมีการสอบสวนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีใครสมคบคิด ทั้ง ๆ ที่เป็นธุรกรรมผิดปกติ ธนาคารได้แจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) หรือไม่

“เส้นทางการเงิน 2,000 ล้านบาท กลุ่มผู้ทุจริตเบิกเงินสด โอนเงินสด สร้างนอมินีรับเงินโอนหรือบัญชีม้าลักษณะปกปิด อำพราง เพื่อนำเงินไปแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดย บ.การ์เดียนฯ การถอนเงินสด 56.33 ล้านบาทตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.-3 พ.ย. 63 จากธนาคาร และโอนเงินให้นิติบุคคลอย่างมีข้อพิรุธ จำนวน 967.17 ล้านบาท ซึ่งผมสงสัยว่าเงินเหล่านี้อาจจะบินกลับมากระทรวงที่ตั้งอยู่ที่สนามบินน้ำ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งมีการโอนเงินให้บุคคลต่าง ๆ กว่า 40 บัญชี จำนวน 151 ล้านบาท และมีข้อพิรุธ ทั้งที่บุคคลต่าง ๆ ไม่อยู่ในสถานะที่จะรับเงินได้ ที่น่าสงสัยว่าเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน”

“โดยมีบุคคลหนึ่งคอยประคับประคองตั้งแต่วันทำสัญญา การเบิกเงิน และเกี่ยวกันกับการทุจริตได้รับเงินสด 19 ล้านบาทเป็นการตอบแทนบุญคุณ ทำให้เห็นแล้วว่าเงินที่โอนไปไม่ได้ชำระค่าสินค้า ไม่ได้ชำระค่าถุงมือยาง เป็นการทุกธุรกิจผิดปกติถอนเงินไปแบ่งปันซึ่งกันและกัน หากนายจุรินทร์รีบอายัดเงินความเสียหายจะไม่เกิดขึ้น แต่ทอดเวลา ละเว้นปล่อยปละละเลยให้ผู้ทุจริตนำเงินไปใช้ อีกทั้งยังมีการโยกย้ายเงินเพื่อออกหนังสือรับรองเงินฝากด้วย แบบถอนเข้าถอนออก เพื่อสร้างหลักฐานรับรองยอดเงินฝาก ผมแปลกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์และนายจุรินทร์เพิกเฉย อย่ามาอ้างตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่ เพราะองค์การคลังสินค้าอยู่ภายใต้กำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ อย่าอ้างไม่รู้ โง่จริงหรือจงใจแกล้งโง่” นายประเสริฐกล่าว

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า แม้การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นเรื่องเดิม แต่ตอนนั้นมีเพียงคลิปเสียงการประชุมของบอร์ดองค์การคลังสินค้า ยังไม่มีใบเสร็จเส้นทางการเงิน และการทุจริตต้องมีผู้รับผิดชอบ แต่กลับแก้ตัวในสภาว่าไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ถือว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา หาก พล.อ.ประยุทธ์และนายจุรินทร์ใช้อำนาจยับยั้งความเสียหายก็จะไม่เกิดขึ้น พฤติกรรมต่าง ๆ ล้วนมีข้อสังเกตและนัยสำคัญว่าเงินไปตกอยู่กับผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ตนขอเรียกร้องให้ ป.ป.ช.สอบสวนพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะยังไม่มีการดำเนินคดีกับฝ่ายการเมืองเลย และหลังจากวันนี้ตนจะนำข้อมูลใหม่ในคดีทุจริตจัดซื้อถุงมือยางไปยื่น ป.ป.ช.อีกครั้ง