ศุภาลัยโชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 65 รายได้-กำไรพุ่ง โกยรายได้รวม 14,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% กำไรสุทธิ 3,253 ล้านบาท โต 32% ครึ่งปีหลังมั่นใจรายได้รวมโตตามเป้า 29,000 ล้านบาท มีแบ็กล็อก 27,962 ล้านบาท รองรับความแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์
วันที่ 10 สิงหาคม 2565 นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ของบริษัท สามารถทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ทั้งยอดขาย รายได้ และยอดโอนกรรมสิทธิ์
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
โดยครึ่งปีแรก 2565 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 13 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 11 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 20,710 ล้านบาท มียอดขายรวม 18,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีจำนวน 13,005 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 6% จำนวน 9,364 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่มียอดขาย 8,852 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีสัดส่วนยอดขายคอนโดมิเนียมเปิดใหม่และสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 5,730 ล้านบาท คิดเป็น 96% และยอดขายสินค้าแนวราบในกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม 12,486 ล้านบาท คิดเป็น 24% และคิดเป็น 65% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 28,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าบริษัทมีโอกาสที่ทำยอดขายในปี 2565 ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
รายได้รวม 14,092 ล้านบาท เพิ่ม 28%
สำหรับรายได้รวมมีจำนวน 14,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์โฮม 55% และคอนโดมิเนียม 45% และกำไรสุทธิ 3,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564
ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น 59% มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 27,962 ล้านบาท ณ 30 มิถุนายน 2565 โดยคาดว่าจะทยอยโอนในปี 2565 จำนวน 13,695 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จส่งมอบให้ลูกค้า 6 โครงการ รวมมูลค่า 15,820 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 23 ส.ค. 65 และจ่ายปันผล วันที่ 7 ก.ย. 65
อย่างไรก็ดี บริษัทมั่นใจครึ่งปีหลัง 2565 ภาพรวมตลาดอสังหาฯยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการสินค้าระดับกลางและบนยังไปได้ดีในสินค้าแนวราบเป็นที่น่าจับตามอง คอนโดมิเนียมต้องเจาะลึกเป็นรายเซ็กเมนต์ เตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง รวม 21 โครงการ มูลค่ารวม 19,290 ล้านบาท สะท้อนจากยอดขายสินค้าแนวราบที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก จึงมีแผนโฟกัสเปิดตัวโครงการแนวราบ 20 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ
โดยมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และเปิดตัวแบรนด์ใหม่ การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมลุยเปิดตลาดอสังหาฯในจังหวัดใหม่ ๆ ในทำเลศักยภาพ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค สำหรับโครงการแนวราบเปิดเพิ่ม 2 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา นครสวรรค์ และคอนโดฯแบรนด์ใหม่อีกด้วย
ครึ่งปีเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว 13 โครงการ
โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2565 มีการเปิดตัวโครงการใหม่แล้ว ทั้งหมด 13 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ซึ่งเป็นโครงการแนวราบ 11 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 20,710 ล้านบาท ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรก บริษัทยังคงรักษาการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ยอดขายรวมอยู่ที่ 18,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 อยู่ที่ 13,005 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 6% อยู่ที่ 9,364 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 8,852 ล้านบาท
โดยมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าในทุกทำเลโครงการที่มีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ รวมถึงโครงการที่เปิดตัวใหม่ ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่และสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 5,730 ล้านบาท คิดเป็น 96% และยอดขายสินค้าแนวราบในกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม 12,486 ล้านบาท คิดเป็น 24% และคิดเป็น 65% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 28,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าบริษัทมีโอกาสที่ทำยอดขายในปี 2565 ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
อีกทั้งบริษัทยังกวาดรายได้-กำไรพุ่งต่อเนื่อง หลังจากทําสถิติรายได้และกำไรสูงสุดไปแล้วในปี 2564 โดยมีรายได้รวม 14,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% โดยแบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 13,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปี 2564 แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์โฮม 55% และคอนโดมิเนียม 45% และด้านกำไรสุทธิ 3,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564
ส่งผลให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 59% และมีการบริหารจัดการกระแสเงินสด โดยมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 27,962 ล้านบาท ณ 30 มิถุนายน 2565 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2565 จำนวน 13,695 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จส่งมอบโครงการให้ลูกค้ารวมทั้งสิ้น 6 โครงการ รวมมูลค่า 15,820 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 23 ส.ค. 65 และจ่ายปันผล วันที่ 7 ก.ย. 65
อย่างไรก็ดี บริษัทมั่นใจครึ่งปีหลัง 2565 ภาพรวมตลาดอสังหาฯยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการสินค้าระดับกลางและบนยังไปได้ดีในสินค้าแนวราบเป็นที่น่าจับตามอง คอนโดมิเนียมต้องเจาะลึกเป็นรายเซ็กเมนต์ เตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง รวม 21 โครงการ มูลค่ารวม 19,290 ล้านบาท สะท้อนจากยอดขายสินค้าแนวราบที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก
จึงมีแผนโฟกัสเปิดตัวโครงการแนวราบ 20 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ โดยมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และเปิดตัวแบรนด์ใหม่ การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมลุยเปิดตลาดอสังหาฯในจังหวัดใหม่ ๆ ในทำเลศักยภาพ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค สำหรับโครงการแนวราบเปิดเพิ่ม 2 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา นครสวรรค์ และคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่อีกด้วย
ถึงแม้ปี 2565 จะเป็นปีที่ท้าทายของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมั่นใจสามารถรับมือกับความผันผวนของสถานการณ์ได้ และสามารถปรับแผนกลยุทธ์ที่รวดเร็ว ด้วยสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการจัดการพลังงานอย่างยั่งยืนต่อไป