ASW เผย 6 เดือนแรก 2567 มีรายได้ 4,642 ล้าน โต 54% กำไรสุทธิ 849 ล้าน โต 93% ตุนยอดขาย 10,730 ล้าน หลัง 2 คอนโดฯ ใหม่ภูเก็ตแบรนด์ The Title ลูกค้าจองซื้อทะลัก ทริสเรทติ้งปรับเครดิตเป็น “BBB-/Positive แบ็กล็อกรวม 23,678 ล้าน ครึ่งปีหลังเตรียมเปิดคอนโด-แนวราบ 6 โครงการใหม่ 11,760 ล้าน
วันที่ 13 สิงหาคม 2567 นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness”
เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 (เมษายน – มิถุนายน 2567) บริษัทสามารถทำรายได้รวม 2,884 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 593 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) ถึง 64% และ 131% ตามลำดับ
ส่งผลให้ผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน 2567) บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,642 ล้านบาท เติบโต 54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มีกำไรสุทธิ 849 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 93% ถือเป็นรายได้และกำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรก ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (New High)
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรก ASW สามารถโอนโครงการสร้างเสร็จใหม่ได้ตามแผนที่ตั้งไว้ และรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการที่เป็นไฮไลต์ของการโอนในช่วงที่ผ่านมาได้แก่ เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) แคมปัสคอนโด ใกล้ ม.กรุงเทพ จำนวน 1,770 ยูนิต มูลค่า 3,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายได้แล้ว 99%
และโครงการเดอะ ไทเทิล ฮาโล 1 (The Title HALO 1) โครงการ Leisure Condominium ใกล้สนามบินภูเก็ต จำนวน 329 ยูนิต มูลค่า 1,537 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 93%
โดยทั้ง 2 โครงการจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่อง และเป็นแรงหนุนสำคัญในไตรมาส 3/67
ในส่วนของยอดขาย (พรีเซล) ในครึ่งปีแรกทำได้ 10,730 ล้านบาท เติบโต 35% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก 2566 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการเปิดตัวโครงการ Leisure Condominium ในทำเลภูเก็ต ภายใต้การพัฒนาของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE บริษัทย่อยในเครือแอสเซทไวส์ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท
ได้แก่ เดอะ ไทเทิล เฮอริเทจ บางเทา (The Title Heritage Bang-Tao) จำนวน 789 ยูนิต และเดอะ ไทเทิล เซเรนิตี้ ในยาง (The Title Serenity Nai-Yang) จำนวน 814 ยูนิต ที่ได้รับกระแสตอบรับดีและมียอดขายเป็นที่น่าพึงพอใจ
ล่าสุด ทริสเรทติ้งได้ปรับแนวโน้มเครดิตอันดับความน่าเชื่อถือของแอสเซทไวส์จาก “BBB-” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ “BBB-” แนวโน้ม “เป็นบวก” (Positive) จากภาพรวมที่แข็งแกร่งของบริษัท และผลการดำเนินงานที่รักษาระดับการเติบโตได้อย่างมั่นคง ทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิ
โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/67 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งสิ้น 23,678 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2569
นายกรมเชษฐ์กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 แอสเซทไวส์ยังคงเดินหน้าตามแผน The New Frontiers มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในทุกมิติ ด้วยการเปิดตัวคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบโครงการใหม่ ในกรุงเทพฯ EEC และภูเก็ต จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 11,760 ล้านบาท
แบ่งเป็นไตรมาส 3/67 บริษัทเปิดขายบ้านแนวราบ 2 โครงการ ได้แก่ ดิ อาเบอร์ รามอินทรา-วัชรพล (The Arbor Ramintra-Watcharapol) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท บ้านเดี่ยวแนวคิดใหม่สไตล์ครีเอทีฟโมเดิร์นท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ ใกล้ทางด่วนฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) เริ่มต้น 8.99 ล้านบาท
กับ ฌาน เดอะ ริเวอร์ไซด์ บรมราชชนนี (CHANN The Riverside Boromratchachonnani) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยวทำเลริมแม่น้ำท่าจีน ราคาเริ่มต้น 15-30 ล้านบาท ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า
รวมถึงเตรียมเปิดตัวโครงการเรือธง (Flagship project) ภายใต้แบรนด์ใหม่ อควารัส จอมเทียน พัทยา (Aquarous Jomtien Pattaya) คอนโดมิเนียมหรู ใกล้หาดจอมเทียน มูลค่า 4,500 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
ขณะเดียวกัน แอสเซทไวส์ยังแสวงหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ด้วยการขยายลงทุนสู่ธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ คือ Health & Wellness เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ตั้งเป้าหมายเปิด “ร็อคเก็ตฟิตเนส” (Rocket Fitness) ฟิตเนสทางเลือกใหม่ในทำเลเข้าถึงง่าย
กับ “ไวทาลา” (Vitala) คลินิกกายภาพบำบัดและฟื้นฟูร่างกาย รวม 4 แห่งภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเปิดให้บริการในคอมมูนิตี้มอลล์ “มิงเกิ้ล” (Mingle) และโครงการของบริษัทเพื่อให้เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจรีเทลและคอมมูนิตี้มอลล์
“ปีนี้เป็นปีที่ ASW มองเห็นสัญญาณการเติบโตที่โดดเด่น ทั้งด้านยอดขาย รายได้ และกำไร เราจึงเชื่อมั่นว่าแผน The New Frontiers จะช่วยให้เรายังยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ และสามารถขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายรายได้ 8,700 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน” นายกรมเชษฐ์ กล่าว