ออริจิ้น ลงทุนครอบจักรวาล ดันบริษัทลูกเข้า IPO หนุนแผน 5 ปีมาร์เก็ตแคปแสนล้าน

“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” เปิดแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล “Origin Multiverse” 3 ขั้นตอน Expanding-Growing-Connecting ขยายอาณาจักรธุรกิจอสังหาฯสู่ 4 กลุ่มจักรวาลธุรกิจใหม่ ทั้งโลจิสติกส์-เฮลท์แคร์-ประกันภัย-พลังงาน-การเงิน-ร้านอาหาร-กัญชง วางแผนปั้นบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นำร่อง 3 บริษัท “พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น-วัน ออริจิ้น-แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น” ดัน Market Cap รวมแสนล้านภายในปี 2568

ด้านจักรวาลที่อยู่อาศัยปี 2565 ตั้งเป้าทุกด้าน All Time High เปิดตัวโครงการใหม่เฉียด 42,000 ล้าน ตั้งเป้ายอดขาย 35,000 ล้าน พร้อมลุยเมกะโปรเจ็กต์แห่งปี “ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์”

วันที่ 1 มีนาคม 2565 นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า หลังจากก่อตั้งบริษัท 12 ปี บริษัท จากวันแรกที่มีเพียงธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม สู่ปัจจุบันที่มีอาณาจักรธุรกิจใหม่ ๆ ในปี 2565 เตรียมแผนสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญภายใต้แนวคิด “Origin Multiverse” หรือแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล

พีระพงศ์ จรูญเอก

ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน 1.ขยายสู่จักรวาลใหม่ จากเดิมมีจักรวาลหลักคือพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ขยายเข้าสู่จักรวาลใหม่ ๆ 4 กลุ่มได้แก่ กลุ่มจักรวาลที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย” (Residential for Sales), “กลุ่มจักรวาลธุรกิจรายได้ประจำ” (Recurring Income Business), “กลุ่มจักรวาลธุรกิจบริการ” (Service Business) และกลุ่มจักรวาลเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends Business) โดยทั้ง 4 กลุ่มยังคงประกอบด้วยธุรกิจย่อยๆ ที่ทยอยเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมา เช่น โลจิสติกส์ เฮลท์แคร์ ประกันภัย พลังงาน การเงิน ร้านอาหาร กัญชง ในอนาคตอาจมีจักรวาลย่อยๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต

2.แยกกันเติบโตแบบคู่ขนาน ให้ทุกบริษัทย่อยมีเส้นทางการเติบโตแบบคู่ขนานผ่านการจัดทัพผู้บริหารมืออาชีพในธุรกิจนั้น ๆ เข้าไปช่วยดูแลทิศทางการเติบโต สร้างจุดแข็งให้แก่ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีบริษัทย่อยที่มีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (IPO) เพิ่มเติม

นำโดย บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร, บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ เช่น โรงแรม ออฟฟิศ ค้าปลีก, บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด บริษัทร่วมทุนกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เช่น คลังสินค้า โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรมครบวงจร

โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) เข้า IPO ไปแล้วในช่วงปลายปี 2564 คาดว่าภายในปี 2568 ออริจิ้นและทุกบริษัทที่เข้าจดทะเบียนจะกลายเป็นอาณาจักรที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) รวมกันมากกว่า 1 แสนล้านบาท

3.เชื่อมโยงอีโคซิสเต็ม ที่แยกย้ายกันเติบโต กลับมาดูแลผู้บริโภคร่วมกันเป็นอีโคซิสเต็ม สร้าง Multiverse of Happiness ที่ครอบคลุมการดูแลและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร

“เมื่อก่อนทุกคนรู้จักออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เฉพาะจากจักรวาลหลักอย่างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วันนี้เรามีผู้บริหารที่เปรียบเสมือนตัวผมในอีกหลากหลายจักรวาล หลากหลายธุรกิจ ที่จะช่วยกันพาแบรนด์ใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ ๆ พาทุก Multiverse ให้เติบโต เป็นที่รู้จัก และกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในธุรกิจเหล่านั้น เป็นอีโคซิสเท็มที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย ทุกเจเนอเรชั่น และทุกจังหวะการใช้ชีวิต”

นายพีระพงศ์กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงรักษาระดับการเติบโตในจักรวาลอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2565 ตั้งเป้า All Time High เริ่มต้นจากเป้าเปิดตัวใหม่ 31 โครงการ มูลค่ารวม 42,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 137% แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 12 โครงการ มูลค่ารวม 13,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 19 โครงการ มูลค่ารวม 28,600 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 35,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวม 17,500 ล้านบาท

โดยในฝั่งคอนโดฯ จะเติบโตไปในทุกเซ็กเมนต์ มีแบรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่น แบรนด์ ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play) ออริจิ้น เพลส (Origin Place) และบุกทำเลใหม่ เช่น ฝั่งธนบุรี รวมทั้งมีเมกะโปรเจ็กต์ย่านทองหล่อภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์” มูลค่าโครงการ 15,000 ล้านบาท โดยทยอยเปิดตัวโครงการเร็วๆ นี้

สำหรับผลประกอบการปี 2564 มีรายได้รวม 15,943 ล้านบาท มาจากรายได้ยอดโอนที่อยู่อาศัยพัฒนาโดยออริจิ้นฯ จำนวน 13,623 ล้านบาท บวกกับรายได้อื่นๆ (ค่าบริหารโครงการ กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนบริษัทย่อย รายได้ธุรกิจโรงแรม ค่านายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ ค่าบริหารนิติบุคคล) 2,320 ล้านบาท เติบโต 43% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 มีกำไรสุทธิ 3,194 ล้านบาท เติบโต 20% จากปี 2563 และบริษัทเตรียมจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นงวดสิ้นปี 2564 ในอัตรา 0.42 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ ปี 2564 ทำผลงาน New High ยอดโอนรวมโครงการร่วมทุน (JV-joint venture) 16,157 ล้านบาท มาจากยอดโอนของโครงการที่ออริจิ้นฯ พัฒนาเอง 13,623 ล้านบาท กับยอดโอนโครงการ JV 2,534 ล้านบาท

นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัททำธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร โดยปี 2564 สามารถสร้างรายได้ 490 ล้านบาท ถือเป็นรายได้ที่ค่อนข้างสูงในธุรกิจนี้ คาดว่าจะเป็นบริษัทแรกในเครือนับจากนี้ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566 มีเป้ารายได้ ณ ปี 2566 ที่ 750 ล้านบาท โดยมีที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) คือ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด

นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว อาคารสำนักงานให้เช่า ธุรกิจค้าปลีก เช่น ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และหัวเมืองสำคัญธุรกิจร้านอาหาร ภายใน 5 ปีจากนี้ วางแผนพัฒนาโครงการมูลค่ารวม 49,100 ล้านบาท โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินคือ ธนาคารไทยพาณิชย์

นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า บริษัทเปิดตัวช่วงปลายไตรมาส 3/64 ณ สิ้นปี 2564 มีที่ดินเพื่อใช้พัฒนาพื้นที่เช่าทางอุตสาหกรรม 155,000 ตร.ม. จากแผนเดิม 40,000 ตร.ม. โดยพัฒนาโครงการแรกในย่านบางนา กม.22 ภายใต้ชื่อ “แอลฟา บางนา กม.22” คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2/65 และเริ่มรับรู้รายได้ภายในปีนี้

ขณะเดียวกัน โมเดลการลงทุนมีทั้งซื้อกิจการและการพัฒนาเอง เพื่อไปสู่เป้าหมายพื้นที่ภายใต้บริหารจัดการ 1 ล้าน ตร.ม. ภายในปี 2568 โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินคือ บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

อนึ่ง ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้มีโครงสร้างธุรกิจประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ปัจจุบันมีคอนโดฯ และบ้านจัดสรรสะสม 98 โครงการ (ณ สิ้นปี 2564) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น, ดิ ออริจิ้น, ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์, ไนท์บริดจ์, นอตติ้ง ฮิลล์, เคนซิงตัน, แฮมป์ตัน และ บริทาเนีย รวมมูลค่าโครงการ 143,800 ล้านบาท

2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจเฮลท์แคร์ ฯลฯ ปัจจุบัน มีมูลค่าบริษัท (Market Capitalization) 30,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทบริทาเนียมีมูลค่าบริษัท 10,000 ล้านบาท