BKGI ลั่นระฆังเทรด 20 มี.ค.นี้ ชูจุดแข็งอยู่ใน Sunrise Industry 

BKGI ลั่นระฆังเทรด 20 มี.ค.นี้ ชูจุดแข็งอยู่ใน Sunrise Industry 

BKGI ลั่นระฆังเทรด 20 มี.ค.นี้ ชูจุดแข็งอยู่ใน Sunrise Industry ลุยขยายพันธมิตรมหาวิทยาลัย-รพ.ทั่วประเทศ บุกตลาดอาเซียน หนุนผลงานโตกระฉูด

บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) หุ้นธุรกิจ Bio Technology รายแรกของไทยที่เข้าตลาดหุ้น  มีพันธมิตรหลักเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ BGI ผู้นำด้านงานวิจัยและเทคโนโลยีพันธุศาสตร์ระดับโลก พร้อมหนุนเป็น Flagship บุกอาเซียน จ่อเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 20 มี.ค.นี้ มั่นใจกระแสตอบรับคึกคัก ชี้ธุรกิจอยู่ใน Sunrise Industry ฟากผู้บริหาร “ดร.เสาวลักษณ์ ด่านสกุล” ประกาศเดินหน้าขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรมหาวิทยาลัย-โรงพยาบาลทั่วประเทศ มั่นใจภายหลังการระดมทุนเข้า SET ช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ หนุนผลงานโตก้าวกระโดด

ดร.เสาวลักษณ์ ด่านสกุล

ดร.เสาวลักษณ์ ด่านสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (BKGI) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าในวันที่ 20 มีนาคม 2567 หุ้น BKGI จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในหมวดบริการ/การแพทย์ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากอยู่ใน Mega Trend โลก เป็นธุรกิจเทคโนโลยีไบโอเทครายแรกของไทยที่เข้าตลาดหุ้น และการแพทย์จีโนมิกส์ ถือเป็น Sunrise Industry เป็น New S-Curve ของอุตสาหกรรมทางการแพทย์ และเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง ซึ่ง ณ สิ้นปี 2566 บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ระดับ 47.31 %  โดยภายหลังการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นจะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจหนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

”BKGI เตรียมขยายความร่วมมือร่วมกับพันธมิตรมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มฐานลูกค้า พร้อมรุกตลาดในภูมิภาคอาเซียน ผลักดันรายได้โตก้าวกระโดด รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความใส่ใจกับการดูแลรักษาสุขภาพ ผ่านศาสตร์การแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics)”ดร.เสาวลักษณ์ กล่าว

ทั้งนี้ BKGI ดำเนินธุรกิจห้องปฏิบัติการ และให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ เริ่มต้นจากการให้บริการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์จากเลือดมารดาด้วยวิธี Non-Invasive Prenatal Testing (NIPT) ภายใต้แบรนด์ NIFTY ของ BGI Genomics Co., Ltd. (BGI Genomics) บริษัทในกลุ่ม BGI และขยายขอบข่ายให้บริการตรวจวิเคราะห์อย่างครบวงจรที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ได้แก่ การตรวจวิเคราะห์ความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (PGT-A), การตรวจคัดกรองกลุ่มยีนมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม (SENTIS) และการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง (COLOTECT)

โดยมีลักษณะการดำเนินธุรกิจแบ่งเป็น 2 ประเภท 1) ธุรกิจการให้บริการแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.1) การตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ (Reproductive Health Testing services) 1.2) การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ (Infectious Related Testing services) 1.3) การตรวจคัดกรองอื่นๆ (Other Testing services) 1.4) การให้บริการงานด้านเทคโนโลยี (Tech Solution services) 2) การจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ (Other Products)

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) มั่นใจว่า BKGI จะเป็นหุ้นธุรกิจใหม่ในหมวดบริการ/การแพทย์ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง BKGI ถือเป็นธุรกิจแห่งการแพทย์อนาคต มีกลุ่ม BGI ผู้นำด้านงานวิจัยและเทคโนโลยีพันธุศาสตร์ระดับโลกเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่มีเทคโนโลยี และนวัตกรรมของตัวเอง ซึ่งมีแผนผลักดันให้บริษัทเป็น Flagship รุกตลาดในภูมิภาคอาเซียน รองรับการเติบโตของการแพทย์จีโนมิกส์ 

“BKGI ถือเป็นหุ้นเทคโนโลยีไบโอเทครายแรกของไทยที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้น ที่มีจุดแข็ง ไม่ว่าจะเป็นความได้เปรียบด้านเทคโนโลยี การถ่ายทอดองค์ความรู้จากกลุ่ม BGI ซึ่งเป็นทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ มีห้องปฏิบัติการสามารถรองรับการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่การให้บริการตรวจคัดกรองครอบคลุมทุกช่วงอายุ ทำให้มีโอกาสเติบโตจากการขยายฐานลูกค้าที่เปิดกว้าง และที่สำคัญ BKGI มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและแข็งแกร่งมาก ไม่มีหนี้ที่เป็นภาระดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน ดังนั้น เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ พร้อมที่จะนำไปใช้ในการขยายการลงทุน ขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน” นายสมภพ กล่าวในที่สุด

ทั้งนี้ BKGI ได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 160,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 1.63 บาท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดบริการ/การแพทย์