ดราม่า “รัตนโกเซิร์ฟ” มาดามเดียร์ แจง – โจอี้บอย ขอโทษ

‘โจอี้บอย-มาดามเดียร์’ แจงดราม่า งานใส่ชุดไทยไถสเก็ต หลังถูกวิจารณ์ ไม่ใส่แมสก์-ฝ่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่

วันที่ 29 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีที่ นาวสาววทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส. เขต 6 กทม. พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับ นายอภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต หรือ “โจอี้ บอย” แรพเปอร์ชื่อดัง จัดกิจกรรม “รัตนโกSurf (รัตนโกเซิฟ)” ภายใต้คอนเซป ใส่ชุดไทยไถสเก็ต ที่เปิดพื้นที่ให้ประชาชนที่มีใจรักกิจกรรมเซิฟสเกตกว่า 300 คน มาร่วมไถบอร์ดไปตามเส้นทางรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร

• เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
• โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
• ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า

จากนั้น นางสาววทันยา ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความถึงกิจกรรมดังกล่าว และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เนื่องจาก ภาพของผู้ร่วมกิจกรรมนั้น ไม่มีการใส่หน้ากากอนามัย รวมไปถึง เป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการสลายการชุมนุม ในพื้นที่หมู่บ้านทะลุฟ้า หน้าทำเนียบรัฐบาลด้วย ทำให้หลายฝ่ายมองว่า เหตุใด การชุมนุมของชาวเซิร์ฟสเก็ต 300 คน ถึงทำได้ ขณะที่การชุมนุมของชาวหมู่บ้าน กลับโดนสลายการชุมนุม

มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมากถึงความเหมาะสมในการจัดกิจกรรมดังกล่าว “อั๋ว-จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์” แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “เยาวชนปลดแอก” ได้เข้าตั้งคำถามในโพสต์ดังกล่าว ว่า “ผ่านไปด้วยดี ในขณะที่ประชาชนหลายคนถูกจับ ถูกสลายการชุมนุม แล้วยังเรียกเงินประกันตัวเป็นจำนวนมาก พร้อมย้อนถามว่า “เราต้องอยู่ร่วมประเทศกับคนแบบนี้จริง ๆ เหรอ ? ” นอกจากนี้ยังมีชาวเน็ตยังระบุว่ากิจกรมดังกล่าว เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ต่อสังคม อย่างไร

ทำให้ นางสาววทันยา ต้องออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า แบ่งเป็น 2 ข้อดังนี้

1. เรื่องการไม่ใส่แมสก์

ขออธิบายด้วยภาพนะคะ จะเห็นได้ว่าภายในงานก่อนที่จะเริ่มมาที่จุดสตาร์ท ผู้ร่วมกิจกรรมสวมแมสก์ตามปกติ แต่ภาพที่เราเห็นกัน เป็นการถอดมาเพื่อถ่ายภาพที่ระลึกจังหวะก่อนเริ่มออกตัวจากจุดสตาร์ท และพอออกจากจุดสตาร์ทไปแล้ว

การเล่นเซิร์ฟสเกตก็ถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งจึงจำเป็นต้องถอดแมสก์ออกเพื่อระบบการหายใจที่สมบูรณ์ในขณะที่มีอากาศร้อน และการเล่นเซิร์ฟสเกตนั้นในข้อเท็จจริงเราไม่สามารถเล่นในติดกันในระยะประชิดได้อยู่แล้ว เพราะตัวบอร์ดจะไปเกี่ยวกันทำให้เกิดอันตรายได้ ก็ถือเป็นการรักษาระยะห่างไปในตัว

อีกทั้งการเล่นเซิร์ฟสเกตนี้เราเล่นอยู่ในสถานที่เปิดที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ใช่สถานที่ปิด และเมื่อกลับถึงเส้นชัยทุกคนก็กลับมาใส่แมสก์กันตามปกติค่ะ

2. เรื่องจำนวนคนและความปลอดภัย

งานนี้ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า จริง ๆ มีคนต้องการเข้าร่วมงานจำนวนมากแต่เราจำกัดคนตามกฎของ ศบค. ในการจัดงานที่ไม่เกิน 300 คน

นอกจากนี้ภายในงานเรายังมีการควบคุมความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนไทยชนะ การคัดกรองวัดอุณหภูมิ และมีจุดวางเจลแอลกอฮอล์ตามคำแนะนำของ ศบค. ทุกอย่าง

ทั้งนี้เราเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นสิ่งสำคัญ เรามีการจัดเตรียมรถพยาบาล และอาสาจราจรตลอดเส้นทาง เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงาน และผู้ที่สัญจรไปมา จึงจะเห็นได้ว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงผ่านไปด้วยดีไม่มีผู้ได้รับอุบัติเหตุใด ๆ

นางสาววทันยา กล่าวทิ้งท้ายว่า  การจัดงานกิจกรรมครั้งนี้เริ่มต้นจากความตั้งใจของคนส่วนหนึ่งในสังคมที่มีใจรักในกีฬาเซิร์ฟสเก็ต และอยากให้ออกมาทำกิจกรรมให้เป็นตัวอย่างต่อภาคส่วนอื่น ๆ ที่จะออกมาสร้างกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรือสังคมภายใต้กฎระเบียบที่รัฐได้กำหนดไว้อย่างถูกต้องต่อไป

พวกเราทุกคนทักทายพูดคุยกันโดยไม่รู้ว่าใครทำงานอะไร หรือมีตำแหน่งหน้าที่อะไรในสังคม จึงอยากขอพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ปลอดเรื่องของการเมือง

 

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต หรือ “โจอี้ บอย” ได้โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมของทางกลุ่ม จัดขึ้นเพื่อสมาชิกทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็กยันผู้ใหญ่ เป้าหมายของเราคือการออกกำลังกาย และกิจกรรมของครอบครัว

เราจัดงานโดยการขออนุญาตซึ่งเราก็ปฏิบัติตามกฏในการจัดงาน ซึ่งงานนี้มีการตระเตรียมการวางแผนการจัดมานานระยะนึง เหมือนกับการจัดงานทั่วไปครับ มีหลายอย่างที่เราต้องปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างผลกระทบให้น้อยที่สุด เช่นเราทุกคนที่มาร่วมงานต้องรีบเดินทางเพื่อที่จะจบงานภายใน 1 ชั่วโมงครับ

อยากจะขอความเห็นใจเรื่องไม่เอากีฬาที่พวกเราเล่นกันไปคิดในมุมการเมืองจริงๆครับ เพราะในกลุ่มกีฬาที่เราเล่นก็มีคนที่มีความคิดหลากหลายแตกต่างทางการเมืองกันอยู่ร่วมกัน

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับโควิด เราพยายามปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัดที่สุดจริงๆครับ หลายรูปที่เห็นผมและน้อง ๆไม่ได้ใส่ก็ตามเหตุผลที่เล่าให้ฟังข้างต้น

ขอยืนยันอีกทีว่ากิจกรรม ที่จัดซึ่งเฮียล้านเปอเซนต์ยืนยันกับทุกคนได้ว่ามันไม่ใช่กิจกรรมที่แอบแฝงทางการเมืองใด

ขอตอบในคำถามของน้องๆที่ถามว่าทำไมมีกระทรวงและคนจากรัฐบาลมาร่วมงาน ง่ายๆเลยนะครับ เฮียคือประชาชนตาดำๆ เหมือนกับทุกคน จะขออนุญาตเป็นตัวแทนมาขอทำกิจกรรมบนพื้นที่สาธารณะ เฮียก็ต้องประสานไปกับทางผู้ที่จะช่วยเหลือเรื่องระเบียบการขอได้ เท่านั้นเอง

ถามว่าทำไมไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คืองานนี้เฮียเตรียมการมานานมันคือความบังเอิญที่เกิดเหตุการณ์ที่เปรียบเทียบกันได้เฮียเข้าใจ แล้วถามว่าทำไมไม่ยกเลิก เฮียยกเลิกงานอาทิตย์ที่แล้วที่ตั้งใจจัดในลูกเพจไปแล้วเพราะกลัวคุมคนไม่ได้ แต่งานนี้เราคิดว่าเราปฏิบัติตามระเบียบทางราชการได้เลยดำเนินการจัดเพราะทำให้ลูกเพจผิดหวังรอบ 2 ไม่ได้จริง ๆ

ถามว่าแอบห่วงไหม แน่นอนครับ ตอนเฮียธรชวนคนออกมาไถ เราก็กลัวนะครับว่าจะถูกหาว่าทำชนกันเหรอ แต่มันคือกีฬาครับที่ทุกคนชอบตรงกัน คนที่มางานผมวันนี้ผมกล้าพูดเลยว่าคนที่มางานถึงแม้มีความชอบในการเมืองที่ต่างกันแต่เราอยู่ร่วมกันในความชอบกีฬาชนิดเดียวกัน

ขออภัยนะครับและน้อมยอมรับความไม่พอใจที่เกิดขึ้น ไม่มีใครตรงนี้อยากให้กิจกรรมกีฬาและครอบครัวสร้างความไม่สบายใจให้ทุกคนจริง ๆ

เราพยายามและประชาสัมพันธ์เรื่องหน้ากากเต็มที่แล้วครับ ก่อนที่จะถอดตอนเริ่มเดินทางไถกันไปกับถ่ายรูปให้ผู้สื่อข่าวตรงทางปล่อยตัว ขอโทษทุกคนตลอดว่าต้องขออนุญาตใส่แมสเอาไว้”

นอกจากนี้ ยังกล่าวขอโทษในฐานะคนจัดงาน ที่ไม่สามารถควบคุมกิจกรรมได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ และน้อมรับคำติติงทุกข้อเพื่อนำไปปฏิบัติ

“ผมยังยืนยันว่ากิจกรรมของเราไม่ได้จัดขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใดที่จะทำให้เกิดความไม่พอใจ นอกจากความตั้งใจที่จะใช้กีฬาทำให้ทุกคนเกิดความสามัคคีและสุขภาพอันดีกราบขออภัยคนที่มาร่วมงานทุกท่าน และถ้ากิจกรรมครั้งนี้ทำให้หลายท่านไม่สบายใจ ผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวและกราบขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ”