
ผลบอล พรีเมียร์ลีก ศึกผ่าเมือง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านแซงชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี 2-1
วันที่ 14 มกราคม 2566 ผลการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก (อัพเดตเวลา 02.00 น. วันที่ 15 ม.ค.)
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มใช้ 1 เม.ย.66 รับเงินคนละกี่บาทต่อเดือน เช็กที่นี่
- กรมอุตุนิยมวิทยาเตือน 28 จังหวัด พายุฤดูร้อนถล่ม-ฟ้าผ่า-ลูกเห็บตก
- โปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา กลับเข้าดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.
ไบรท์ตัน 3-0 ลิเวอร์พูล (ซอลลี มาร์ช นาที 46, 53 แดนนี เวลเบ็ก นาที 81)
เอฟเวอร์ตัน 1-2 เซาแธมป์ตัน (เจ้าบ้านนำก่อน จาก อมาดู โอนานา นาที 39 ทีมเยือนแซงชนะ จาก เจมส์ วอร์ด-พราวส์ นาที 46 และ 78)
นอตติงแฮม ฟอเรสต์ 2-0 เลสเตอร์ (เบรนนัน จอห์นสัน นาที 56, 84)
วูล์ฟส์ 1-0 เวสต์แฮม (แดเนียล โพเดนซ์ นาที 48)
เบรนต์ฟอร์ด 2-0 บอร์นมัธ (อิวาน โทนีย์ จุดโทษ นาที 39 มัทธิอัส เจนเซน นาที 75)

สำหรับคู่แรกบิ๊กแมตช์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี เป็นศึกดาร์บีแมตช์ตัดแต้มกันโดยตรงระหว่างอันดับ 4 และ 2 ของตาราง
ผีแดงกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดี ชนะ 6 นัดติดต่อกันในทุกรายการ นำมาโดย มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิงฟอร์มเด่น ที่เพิ่งทาบสถิติ เวย์น รูนีย์ ด้วยการยิงประตูที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ดติดต่อกัน 8 นัด ส่วน วูต เวกฮอร์สต์ กองหน้าตัวใหม่ยังไม่มีชื่อในเกมนี้

ด้านเรือใบสีฟ้าผู้มาเยือน แม้เพิ่งตกรอบ 8 ทีมในศึก คาราบาว คัพ แพ้เซาแธมป์ตัน ในนัดเยือนเมื่อกลางสัปดาห์ แต่ผู้เล่นตัวหลักก็ดาหน้ากันลง นำโดย เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาโด้ ซิลวา และดาวยิงตัวเก่ง เออร์ลิง ฮาลันด์
รายชื่อ 11 ตัวจริง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบบ 4-3-1-2 : ดาบิด เด เคอา รักษาประตู, อารอน วาน–บิสซากา, ราฟาแอล วาราน, ลุก ชอว์, ไทเรลล์ มาลาเซีย, คาเซมิโร, เฟร็ด, คริสเตียน เอริกเซน, บรูโน เฟอร์นันเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อองโตนี มาร์กซิยาล
แมนเชสเตอร์ ซิตี ระบบ 4-3-3 : เอแดร์ซอน เฝ้าเสา ไคล์ วอล์คเกอร์, มานูเอล อาคานจี, นาธาน อาเก, เจา คันเซโล, โรดรี, เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาโด้ ซิลวา, ริยาด มาห์เรซ, เออร์ลิง ฮาลันด์ และ ฟิล โฟเดน
ครึ่งแรกไร้สกอร์
เริ่มเกมในช่วงต้นครึ่งเวลาแรก เป็นซิตี้ที่ครองบอลหาช่องบุกตามสเต็ป ยูไนเต็ดจึงตั้งรับและรอสวน โดยตัดบอลได้จากแดนบน ทำให้มีโอกาสยิงก่อนจากบรูโน่ เฟอร์นันเดสในนาทีที่ 10
เกมผ่าน 20 นาทีแรก แม้ซิตี้จะครองบอล แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสจะแจ้งนัก เป็นการโดนบุกที่ผีแดงยังคงรับมือได้ดี ด้วยวินัยและความอดทน ทำให้เออร์ลิง ฮาแลนด์ มีโอกาสสัมผัสบอลเพียง 2 ครั้งเท่านั้น
ต่อเมื่อยูไนเต็ดตัดบอลได้จากแดนตัวเองในนาทีที่ 34 และเล่นจังหวะสวนกลับ แมนซิตี้เกือบเสียประตู จากการวางบอลยาวของบรูโน่ ให้ แรชฟอร์ด จังหวะที่เอแดร์ซอนออกมาไม่เจอบอล แต่เเรชฟอร์ดเลือกยิงด้วยมุมที่เหลือน้อยเกินไป กองหลังซิตี้จึงช่วยกันสกัดไว้ได้
3 นาทีต่อมา ยูไนเต็ดได้โอกาสทองอีกครั้ง เอริกเซนแทงบอลให้แรชฟอร์ดหลุดเข้าไปดวลเดี่ยว แต่จับบอลในจังหวะสุดท้ายยาวเกินไป เอแดร์ซอนจึงล้มตัวขวางไว้ได้

นาทีที่ 40 เกือบเป็นข่าวไม่ดีของยูไนเต็ดเท่าไรนัก เมื่อดาวยิงฟอร์มดีที่สุดของทีมอย่างแรชฟอร์ดทำท่าจะมีอาการบาดเจ็บจากการสปีด
ก่อนจบครึ่งแรกซิตี้มีโอกาสได้ลุ้นจากการส่องไกลของไคล์ วอล์คเกอร์ แต่บอลก็หลุดกรอบไป เป็นแอ็คชั่นสุดท้ายใน 45 นาทีแรก ที่สกอร์ 0-0 ประตู
ครึ่งหลัง มันส์หยด
เกมครึ่งหลัง แรชฟอร์ด เดินออกจากอุโมงค์ด้วยท่าทางที่ดีขึ้นจากครึ่งแรก เอริก เทน ฮาก เปลี่ยน 1 ตำแหน่ง ส่ง อันโตนี (บราซิล) ลงมาแทน อองโตนี มาร์กซิยาล ในตำแหน่งกองหน้าตัวบน
เริ่มครึ่งเวลาหลังมาได้ไม่นาน เกมถือว่าเปิดมากขึ้นกว่าครึ่งแรก เป็นซิตี้ที่โจมตีจากทางซ้ายหนักขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าบ้านจึงต้องรับและรอสวนไปโดยปริยาย
เกมเข้า 1 ชั่วโมงพอดิบพอดี เควิน เดอ บรอยน์ พาบอลไปสุดเส้นหลัง และหยอดด้วยน้ำหนักเท้าชั่งทอง ให้ แจ็ค กรีลิช ที่พึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาแค่ 3 นาที เป็นคนโขกจ่อ ๆ เข้าไปในนาทีที่ 60 ซึ่งเป็นการยิงเข้ากรอบหนแรกของซิตี้ในเกมนี้ พาผู้มาเยือนออกนำ 1-0 ประตู

หลังจากออกนำ ผู้มาเยือนสีฟ้ายังคงเป็นฝ่ายครองบอลบุกอย่างต่อเนื่อง ทำให่ เทน ฮาก เลือกถอด เอริกเซน และส่ง อาเลฆันโดร การ์นาโช ลงมาแทน
นาทีที่ 79 บรูโน่สามารถเอาประตูคืนให้ผีแดงได้สำเร็จ จากการจ่ายของคาเซมิโร ลูกนี้มีประเด็นพอสมควร เนื่องจากแรชฟอร์ดอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แม้จะไม่ได้เล่นบอล แต่เจ้าตัวก็พยายามวิ่งประคอง ก่อนปล่อยให้บรูโนซัดเข้าไป

ตอนแรกผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธง แต่ท้ายที่สุด ห้อง VAR เปลี่ยนคำตัดสินและให้เป็นประตู พาเจ้าบ้านกลับคืนสู่เกมที่ 1-1 ประตู
ซิตี้ยังหัวเสียกับประตูล่าสุดไม่ทันเสร็จ ยูไนเต็ดก็พลิกแซงขึ้นนำอย่างเหลือเชื่อ เมื่อเจ้าหนูการ์นาโช ตอบแทน เทน ฮาก อย่างเห็นผล ด้วยการส่งบอลให้แรชฟอร์ด หลุดจังหวะไม่ล้ำหน้าเข้าชาร์จจ่อ ๆ หน้าประตู พาเจ้าบ้านแซงเป็น 2-1 ประตู ในนาทีที่ 82

แม้แรชฟอร์ดจะไม่ยิงในดาร์บีแมตช์มา 5 นัดแล้วก็ตาม แต่ประตูที่ยิงเข้าไปนั้น ทำให้เจ้าตัวมีสถิติยิงที่โอล์ดแทรฟฟอร์ดติดต่อกัน 9 นัด
จบเกมแมนเชสเตอร์เป็นสีแดง เจ้าบ้านพลิกเอาชนะไปได้อย่างสุดมัน 2-1 ประตู ทำให้ผีแดงประกาศร่วมล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเต็มตัว โดยแข่งไป 18 นัด มี 38 คะแนน เป็นอันดับ 3 ของตาราง ตามหลังแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่มี 39 คะแนน ในจำนวนนัดที่เท่ากัน และไล่จ่าฝูงอาร์เซนอลที่แข่งไป 17 นัดเหลือ 6 คะแนน