ผลบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมนยู พ่าย อาร์เซนอล ไม่สามารถเก็บคะแนนกลับบ้าน เมื่อโดนยิงนาทีสุดท้ายของเกม
วันที่ 22 มกราคม 2566 ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษคู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ ปืนใหญ่ “อาร์เซนอล” เปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดียม รับการมาเยือนของ ปีศาจแดง “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด“
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
เกมนี้เป็นศึกของทีมหัวตาราง อาร์เซนอลจ่าฝูงที่กำลังฟอร์มร้อนแรง ไม่แพ้ในลีกมาแล้วถึง 12 เกม โดยนัดล่าสุดพึ่งบุกไปกดสเปอร์ คู่ปรับร่วมลอนดอนมา 2-0 ประตู เรียกได้ว่าโมเมนตัมของทีมกำลังดีสุด ๆ
ส่วนยูไนเต็ดรั้งอันดับ 3 ของตาราง แม้เพิ่งเสมอในเกมที่ผ่านมากับคริสตัล พาเลซ แต่สถิติยังไม่แพ้ใครในลีก 6 นัดติดต่อกัน โดยเกมนี้ผีแดงไม่มี คาเซมิโร กองกลางตัวเก่งชาวบราซิลที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบ
รายชื่อ 11 ตัวจริง
อาร์เซนอล ระบบ 4-3-3 : แอรอน แรมสเดล (GK), เบน ไวท์, วิลเลียม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, กรานิต ชาก้า, โธมัส ปาร์เตย์, บูกาโย ซาก้า, มาร์ติน โอเดการ์ด, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ระบบ 4-2-3-1 : ดาบิด เด เคอา (GK), อารอน วาน บิสซาก้า, ราฟาแอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ลุค ชอว์, คริสเตียน อีริคเซน, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, แอนโทนี่, บรูโน แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เวาต์ เว็กฮอร์สต์
ครึ่งแรกดวลมันส์หยด
นัดนี้เสียงเชียร์ของสาวกเดอะกันเนอร์สในเอมิเรตส์ดังเป็นพิเศษ ตั้งแต่นาทีแรกอาร์เซนอลก็เปิดเกมบุกใส่ผู้มาเยือนอย่างรวดเร็ว โดยป้วนเปี้ยนหน้าปากประตูของยูไนเต็ดและมีโอกาสได้จบอยู่หลายครั้ง
ผ่าน 10 นาที เกมยังเป็นของเจ้าบ้าน ยูไนเต็ดจึงกลายเป็นผู้ตั้งรับและรอสวน โดยที่ยังขึ้นเกมของตัวเองไม่ได้
แต่ในนาทีที่ 17 ยูไนเต็ดตัดบอลได้จากกลางสนาม และเป็นความยอดเยี่ยมของมาร์คัส แรชฟอร์ด ที่พาบอลไปเองและเลือกยิงไกล บอลพุ่งเรียดเสียบโคนเสา ผ่านมือแอรอน แรมสเดล เข้าไป พาผู้มาเยือนขึ้นนำก่อนที่ 1-0 ประตู หยุดสถิติของเจ้าตัวที่ยิงอาร์เซนอลในเกมเยือนไม่ได้ไว้ที่ 7 นัด
หลังโดนนำเพียง 5 นาที อาร์เซนอลที่บุกใส่ยูไนเต็ดอย่างต่อเนื่องก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการเปิดบอลทางซ้าย และเป็น เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่สอดมาโหม่งจ่อ ๆ พาเจ้าบ้านกลับคืนสู่เกมในนาทีที่ 24 และเป็นประตูที่ 6 จาก 7 นัดหลังสุดของเจ้าตัว
ในขณะที่อาร์เซนอลพยายามตั้งเกม ยูไนเต็ดก็กรูกันเข้าใส่ แต่ก็เบรกเกมในแดนกลางของเจ้าบ้านได้ไม่มากนัก การขาดคาเซมิโร่ จึงส่งผลกระทบพอสมควร
จบครึ่งแรกทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ เกมยังคงเสมอกันที่ 1-1 ประตู
ครึ่งหลัง มันส์ต่อ
เข้าสู่ครึ่งหลังของเกม มิเกล อาร์เตต้า เลือกถอด เบน ไวท์ ที่โดนใบเหลืองจากครึ่งแรก และส่งทาเกฮิโระ โทมิยาซุ ลงมาแทน
อาร์เซนอลยังครองบอลบุก แม้ยูไนเต็ดจะตัดได้ในบางจังหวะ แต่เล่นไปอีกสักพัก เจ้าบ้านก็เอาบอลไปครองได้เหมือนเดิม
อาร์เซนอลมาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 สุดสวยในนาทีที่ 53 จากลูกยิงไกลของ บูกาโย ซาก้า บอลพุ่งโค้งเสียบเสาไกล สุดปัญญาที่ ดาบิด เด เคอา จะป้องกันได้แม้ทยานไปสุดตัว โดยซาก้า ทำสถิติยิงแมนยูไนเต็ดเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันแล้ว
ผีแดงยังไม่ยอม ไม่กี่นาทีถัดมาจากจังหวะเตะมุม ยูไนเต็ดก็ได้ประตูตีเสมอเป็น 2-2 โดยผู้เล่นอาร์เซนอลไปชนกันเองในจังหวะสกัด มาร์ติเนซ ทิ้งตัวโหม่งบอลเข้าไป ประเดิมประตูแรกให้สโมสร ในนาทีที่ 59
นาทีที่ 70 อาร์เซนอลเกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็น ซาก้า คนเดิมกับลูกเก่งที่เลี้ยงตัดเข้าในและซัดด้วยเท้าซ้าย แต่บอลไปแฉลบ ลุค ชอว์ ก่อนที่จะเช็ดเสาเหลี่ยมนอกออก โดย เด เคอา ทำได้แต่ยืนมอง
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม เจ้าบ้านลำเลียงบอลเข้าเขตโทษและโหมบุกอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ว่าไม่ให้ยูไนเต็ดได้พักหายใจหายคอ และทำท่าจะเสียประตูอยู่หลายครั้ง
ที่ใกล้เคียงสุดเป็น เอ็นเคเทียห์ ได้ซัดจ่อ ๆ ในนาทีที่ 84 แต่ ดา เคอา ซุปเปอร์เซฟไว้ได้ในระยะไม่กี่หลา
ในที่สุด อาร์เซนอลก็มาได้ประตูในนาทีที่ 90 เป็นเอ็นเคเทียห์ ที่สะกิดบอลเข้าไป จากจังหวะบอลขลุกขลิก พาเจ้าบ้านขึ้นนำอีกครั้ง 3-2 ประตู
แม้จะต้องเช็ก VAR อยู่นาน แต่เป็น อารอน วาน บิสซาก้า ที่ยืนอยู่เป็นตัวสุดท้าย ทำให้สาวกเดอะกันเนอร์ส ได้เฮลั่น
จบเกมอาร์เซนอล เก็บ 3 แต้มสำคัญ มี 50 คะแนน จากการลงแข่ง 19 นัด นำห่างที่ 2 อย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ 5 คะแนน และยูไนเต็ด 11 คะแนน โดยแข่งน้อยกว่า 1 นัด
