ททท. เร่งแก้โจทย์ตลาดจีน อัดมาตรการ “ระยะสั้น” ปลุกปลายปี

ยังคงเป็น “โจทย์ใหญ่” ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไขสำหรับปัญหาของนักท่องเที่ยวตลาดจีนที่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่น่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจสำหรับปีนี้แน่นอน

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสร่วมสัมภาษณ์ “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ถึงแนวทางในการรับมือกับภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะตลาดจีนที่กำลังประสบปัญหานักท่องเที่ยวลดลงอย่างหนักไว้ดังนี้

Q : สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ทีมบริหารภูมิภาคเอเชียตะวันออกของ ททท. เพิ่งกลับจากการพูดคุยกับสำนักงานทั้ง 5 แห่งในประเทศจีน ประเมินตัวเลขสถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวจีนยังไม่ดีขึ้น ไม่ได้แค่ชะลอ แต่อยู่ในสภาวะหดตัวอย่างรุนแรง

โดย ททท.ได้ติดตามผ่านผู้ประกอบการ ทางสมาคมโรงแรมแจ้งว่าโรงแรมที่ปกติมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ปัจจุบันอัตราเข้าพักเหลืออยู่เพียงแค่ 10% ผู้ประกอบการจึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ และประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการเป็นกังวล คือ สถานการณ์จะส่งผลถึงสถานการณ์ปีหน้าอย่างไรบ้าง

Q : สาเหตุของสภาวะหดตัวอย่างรุนแรงของตลาดท่องเที่ยวจีนอย่างไร

สภาวะหดตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทย มาจาก 2 สาเหตุใหญ่ 1.คือความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่เหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต 2.เศรษฐกิจจีนเองก็อยู่ในสภาวะหดตัว การเดินทางออกนอกประเทศก็มีต้นทุนที่สูงขึ้น

ขณะที่ทางการจีนกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เช่น การลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม การลดราคาค่าเข้าชมแหล่งท่องเที่ยว ทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากย้อนกลับไปดูตัวเลขเก่าจะพบว่า นักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านคน หากไทยยังมองว่านักท่องเที่ยวจีนเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทต่อทริปต่อคน ก็อาจจำเป็นที่จะมีมาตรการหยุดการหดตัวลงไปเพื่อแก้ปัญหา ทั้งนี้ อาจจะต้องพิจารณามาตรการว่าจะต้องอยู่ในระดับใด

Q : ททท.มีมาตรการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาอย่างไรบ้าง

ททท.มีทั้งมาตรการระยะสั้น กลาง และยาว แต่ตอนนี้อยากให้โฟกัสนโยบายระยะสั้นก่อน เพราะไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์พิเศษที่ตลาดจีนหดตัว และตลาดอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากนัก

โดยมาตรการระยะสั้น จะต้องมุ่งแก้ปัญหาเรื่องความรู้สึกของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ แม้เราจะเน้นตลาดคุณภาพ แต่ตอนนี้ไทยจำเป็นที่จะต้องดึงจำนวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามา ทั้งตลาดจีนและตลาดอื่น ๆ โดยเน้นไปที่ตลาดระยะสั้นที่ใช้เวลาเดินทางไม่มาก เพื่อที่จะได้สามารถเข้ามาเติมตัวเลขที่หายไปได้อย่างรวดเร็ว

Q : แผนเร่งด่วนระยะสั้นเป็นอย่างไร

อย่างแรก คือ ททท.มุ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดการเดินทางในประเทศด้วยนโยบายเมืองรอง และนโยบายลดหย่อนภาษี ควบคู่ไปกับอย่างที่ 2 คือ การกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวระยะสั้น หรือว่าเดินทางใกล้ โดยใช้มาตรการด้านการตลาดทั้งในตลาดอาเซียนและตลาดจีน ด้วยเทคนิคอลแคมเปญต่าง ๆ ร่วมกับการจัดอเมซิ่งไทยแลนด์โรดโชว์ในจีนช่วง 2 เดือนที่เหลือ เพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง

อีกมาตรการที่ทำควบคู่กันไป คือ มาตรการด้านความปลอดภัยที่เราได้ทำการพูดคุยกับภาคเอกชน เนื่องจากการปรับปรุงมาตรฐานโดยผู้ประกอบการเองเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทันทีด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอการออกกฎหมายที่จะใช้เวลายาวนาน

โดยการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยจะครอบคลุมตลอดทั้งโปรแกรมทัวร์ ตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินเดินทางมาจนกลับถึงประเทศ

นอกจากนั้น ระหว่างกลางเดือนพฤศจิกายน-กลางเดือนธันวาคมนี้ ททท.วางแผนที่จะจัดงาน Passport Sale ร่วมกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เพื่อให้ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ระหว่างช่วงเซลปลายปี ลดเพิ่มอีก 7-10% เมื่อนักท่องเที่ยวชูพาสปอร์ต เป็น double tax refund 7+7 ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกับกรมสรรพากรในรายละเอียด

รวมถึงการพูดคุยกับสินค้ากลุ่มลักเซอรี่แบรนด์ให้นำสินค้าประเภทที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมาลดจัดหนัก พร้อมทั้งวางแผนที่จะจัดงาน Top Thai Brand Sale เพื่อนำแบรนด์ไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว อาทิ นารายา จิม ทอมป์สัน วาโก้ สเนลไวท์ ฯลฯ มาจัดงานลดราคาอีกด้วย

Q : แล้วมาตรการระยะกลางและยาวเป็นอย่างไร

เรื่องกฎหมายการควบคุมต่าง ๆ รวมถึงเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการพูดคุยทำข้อตกลงจะอยู่ในมาตรการระยะกลางและยาว ขณะนี้ ททท.มีการพูดคุยกับกองทัพเรือ เพื่อจัดทำ MOU ในการตรวจสอบและการดูแลทางน้ำตลอดชายฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ด้วยความพร้อมของกองทัพเรือที่มีทั้งเรือลาดตระเวน เรือพยาบาล และศูนย์รองรับตลอด 24 ชม.

นอกจากนั้น ยังได้มีการพูดคุยกับกรมอุตุนิยมวิทยา และอาลีบาบา เรื่องการแจ้งเตือนสภาพอากาศให้กับนักท่องเที่ยวจีน และพูดคุยกับ travel agent อื่น ๆ ถึงความเป็นไปได้ในการดูแลนักท่องเที่ยวเพิ่มเติม

ส่วนมาตรการระยะยาวด้านการตลาดนั้น อาจจะต้องมาดูเรื่องของการกระจายตลาดในระยะยาวมากขึ้น ทำตลาดอื่น ๆ ให้หลากหลายยิ่งขึ้นด้วย เพราะหลังจากนี้ ตลาดจีนคงไม่สามารถขยายตัวได้มากเท่าเดิม เนื่องจากขีดความสามารถในการรองรับที่มีไม่เพียงพอแล้ว ต่อไปในการท่องเที่ยวไทยอาจจะค่อย ๆ เห็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

Q : มาตรการ VOA ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่หรือไม่

ททท.อยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องต้นทุนที่รัฐจะต้องสูญเสียรายได้ และผลประโยชน์ที่รัฐจะได้รับ หากมีมาตรการ VOA ออกมาจริง แต่ยืนยันว่าถ้ามีการใช้จริงก็จะเป็นการใช้เพียงช่วงสั้น ๆ ในระยะเวลาที่จำกัด คาดว่าความชัดเจนน่าจะสรุปได้เร็ว ๆ นี้

Q : วางเป้าตลาดจีนในช่วง 2 เดือนสุดท้ายปีนี้อย่างไร

ถ้าหากมองแค่ในส่วนของ ททท.อย่างเดียว คาดการณ์ว่าน่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวประเทศไทยได้ราว 5 แสนคน ในระยะเวลา 2-3 เดือนที่เหลือของปี โดยยังไม่รวมมาตรการ VOA ที่ยังไม่ทราบผลแน่นอน แต่ถ้าหากมีมาตรการอื่น ๆ นอกเหนือจากมาตรการด้านการตลาดของ ททท. ในการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวก็อาจจะช่วยให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากขึ้น

ทั้งนี้ ททท.คาดว่าจากปี 2560 ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย 9.8 ล้านคน ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 10.5 ล้านคน จากเป้าเดิมที่คาดว่าปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านคน เนื่องจากตัวเลขช่วงต้นปีเติบโตค่อนข้างดี มาหายไปค่อนข้างมากเป็นกลุ่มกรุ๊ปทัวร์หลังเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต

อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในอีก 2 ดือนที่เหลือของปีนี้ น่าจะอยู่ที่ราว 5 แสนคนต่อเดือน

Q : ในช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้พอจะมองเห็นปัจจัยบวกบ้างหรือไม่

ปีนี้หนาวเร็ว น่าจะช่วยกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้มากขึ้น โดย ททท.ได้วางแผนจะจัดกิจกรรมเต็มที่ทั้งลอยกระทงและปีใหม่ ซึ่งขณะนี้มีแผนเคานต์ดาวน์เมืองรอง 5 เมือง ได้แก่ ลำพูน นครพนม จันทบุรี สตูล และราชบุรี


โดยคาดการณ์ว่าไทยเที่ยวไทยปีนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยว 160 ล้านคนต่อครั้ง รายได้โต 10% รวมมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้