“สุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ” นายกสมาคมทัวร์เอาต์บาวนด์รุกปรับยุทธศาสตร์ เผยเตรียมปรับโหมดสมาชิกกลุ่มทัวร์นอกโหมแพ็กเกจทัวร์ “ไทยเที่ยวไทย” แบบพรีเมี่ยม ดึงกลุ่มคนไทยที่นิยมเที่ยวนอกปีละกว่า 10 ล้านคนหันเที่ยวไทย หวังกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว-จับจ่าย คาดเงินสะพัดภายในประเทศเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หนุนตลาดไทยเที่ยวไทยคึกคักผู้ประกอบการอยู่รอด
นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) หรือสมาคมทัวร์เอาต์บาวนด์ ซึ่งได้เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงที่หลาย ๆประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยยังคงปิดการเดินทางระหว่างประเทศนักท่องเที่ยวคนไทยไม่สามารถออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้นี้ ทางสมาคมได้เตรียมปรับยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญด้วยการหันมาโฟกัสตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศตามนโยบายรัฐบาล
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
รวมทั้งเป็นการช่วยเหลือให้สมาชิกทุกคนสามารถรักษาธุรกิจของตัวเองให้อยู่รอด รอวันเปิดประเทศแล้วค่อยกลับไปทำตลาดทัวร์เอาต์บาวนด์กันอีกครั้ง
ปรับทิศบุกเที่ยวในประเทศ
นายสุทธิพงศ์กล่าวว่า การช่วยเหลือสมาชิกให้อยู่รอดต่อไปได้นั้นถือเป็นนโยบายหลักที่ทางคณะกรรมการสมาคมชุดใหม่ให้ความสำคัญมาตั้งแต่ต้น เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการทั้งหมดไม่มีธุรกิจกันมา 5-6 เดือนเต็ม ๆ สมาชิกบางส่วนจำเป็นต้องปิดธุรกิจชั่วคราว และสมาชิกจำนวนมากมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง
“ทีมกรรมการสมาคมชุดใหม่จะมีประชุมสมาชิกครั้งแรกเดือนนี้ประมาณช่วงสัปดาห์ที่ 3 หรือ 4 ซึ่งกำลังรอสรุปรายละเอียด ซึ่งการประชุมรอบนี้เราจะพยายามเชิญชวนสมาชิกมาร่วมประชุมให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะคุยกันถึงเรื่องความจำเป็นที่เราต้องรีบเปลี่ยนแนวทางในการทำตลาด และเปลี่ยนแนวทางในการทำงานด้วย เพราะเมื่อตลาดต่างประเทศยังเปิดไม่ได้ สมาชิกจะต้องทำอย่างไรที่จะโน้มน้าว หรือ convince ให้ลูกค้าที่แต่ละบริษัทมีอยู่ในมือนั้นหันมาเที่ยวภายในประเทศแทน”
มุ่งขายแพ็กเกจ “พรีเมี่ยม”
ทั้งนี้ โจทย์หลักที่จะประชุมหารือร่วมกับสมาชิกสมาคม คือ การโฟกัสทำแพ็กเกจทัวร์ระดับพรีเมี่ยมเป็นหลัก เน้นพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาวขึ้นไป เนื่องจากตลาดแพ็กเกจทัวร์ราคาถูกนั้น มีกลุ่มผู้ประกอบการทำตลาดอยู่แล้วและมองว่าการโฟกัสแพ็กเกจทัวร์ระดับพรีเมี่ยมนั้นจะทำให้ภาพรวมของแพ็กเกจทัวร์ในตลาดมีความหลากหลายยิ่งขึ้น
“ในจำนวนคนไทยที่ออกไปเที่ยวต่างประเทศปีละ 10-11 ล้านคนนั้น ยอมรับว่ามีเพียงประมาณ 50% เท่านั้นที่ยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ที่เหลืออีก 50% เป็นกลุ่มที่นักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง” นายสุทธิพงศ์กล่าวและว่า ทั้งนี้ทางสมาคมจะทำงานร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศทุก ๆ สมาคมอย่างใกล้ชิด
คาดเงินสะพัดกว่า 1 แสนล้าน
นายสุทธิพงศ์กล่าวต่อไปอีกว่า ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาบริษัททัวร์ไม่ค่อยนิยมทำตลาดภายในประเทศ เนื่องจากรัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ออกแคมเปญส่งเสริมให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองทั้งขับรถเที่ยว หรือเที่ยวโดยสายการบิน ฯลฯ ซึ่งแคมเปญที่ ททท.โฆษณาในช่วงหลายปีก่อน ได้กระตุ้นและทำให้คนไทยหันไปนิยมเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้นตามลำดับ ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวโดยผ่านบริษัททัวร์ลดความนิยมลงอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
“แต่ที่บริษัททัวร์ภายในประเทศอยู่ได้คือ ยังพอมีลูกค้ากลุ่มที่เป็นองค์กรกลุ่มประชุม สัมมนา กลุ่มเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลยังพอเหลือให้ทำตลาดอยู่บ้าง ตอนนี้ทุกกลุ่มหยุดเดินทางหมด ผู้ประกอบการจึงเหนื่อยหนัก” นายสุทธิพงศ์กล่าวและว่า สำหรับตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศนั้นคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์มีจำนวนอยู่ที่ราว 4-5 ล้านคน เมื่อบวกกับสถานการณ์โดยรวมที่ยังไม่เอื้อให้คนออกเดินทางท่องเที่ยว และเรื่องเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้คาดว่ากลุ่มที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเองก็ลดการใช้จ่ายลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากลุ่มนี้น่าจะออกมาเที่ยวเมืองไทย และมีเงินสะพัดได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หรือราว 20-30% ของตลาดเอาต์บาวนด์ที่มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา
คาด “เที่ยวนอก” รออีก 1 ปี
นายสุทธิพงศ์กล่าวด้วยว่า สำหรับภาพรวมของการท่องเที่ยวต่างประเทศ (เอาต์บาวนด์) นั้น ส่วนตัวคาดว่าน่าจะเริ่มกลับมาได้ในช่วงปลายปี 2564 หรือเร็วสุดคือช่วงกลางปี 2564 เนื่องจากยังต้องรอวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ประกอบกับแนวทางการเปิดท่องเที่ยวแบบเฉพาะกลุ่ม หรือ travel bubbleนั้นยังคงต้องรอกระบวนการและขั้นตอนค่อนข้างมาก และต้องรอประเทศปลายทางมีความพร้อมด้วยเช่นกัน
“ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้พยายามศึกษาแนวทางการเปิด travel bubble มาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เช่น กรณีล่าสุดที่มีแนวคิดปิดพื้นที่ 6 เกาะใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต, กระบี่ และสุราษฎร์ธานี สำหรับเปิดเป็นพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยว แต่ก็ยังต้องรอทำประชาพิจารณ์ว่าคนในพื้นที่จะยินยอมรับความเสี่ยงหรือไม่ หากคนในพื้นที่ไม่ยินยอมก็คงต้องยังไม่พร้อมที่จะเปิด” นายสุทธิพงศ์กล่าว