เศรษฐกิจถดถอยอาจน่าห่วง เพราะเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ ซีอีโอ เจพีมอร์แกน เตือนว่า ภูมิรัฐศาสตร์ หรือ geopolitics เป็นเรื่องที่น่ากังวลยิ่งกว่า
วันที่ 26 ตุลาคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เจมี ไดมอน ซีอีโอ JPMorgan Chase (JPM) นักธุรกิจชั้นนำในวอลล์ สตรีตคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ยังมีเรื่องน่ากังวลใจกว่า นั่นคือเรื่องภูมิรัฐศาสตร์โลก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
(ภูมิรัฐศาสตร์-ผลกระทบทางภูมิศาสตร์ที่มีต่อการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ)
ไดมอนกล่าวบนเวทีริเริ่มการลงทุน Future Investment Initiative เป็นการประชุมด้านเศรษฐกิจเวทีใหญ่ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ฉายา “ดาวอสแห่งทะเลทราย” ว่าภูมิรัฐศาสตร์โลกเป็นเรื่องน่าวิตกมากกว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในสหรัฐอเมริกา
“มีเรื่องมากมายที่ใกล้จะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ดีเลย และอาจไม่จำเป็นเลย แต่จะผลักให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย”
“ภาวะถดถอยไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดที่เราคิด เพราะเราจัดการได้ แต่ที่ผมวิตกมากคือภูมิรัฐศาสตร์ของโลกวันนี้” ไดมอนกล่าวบนเวทีเสวนากับ ริชาร์ด เควสต์ ผู้ดำเนินรายการจากซีเอ็นเอ็น
ภูมิรัฐศาสตร์ดังกล่าวคือ สงครามที่รัสเซียบุกยูเครน และความสัมพันธ์ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเพิ่งจะขยายอำนาจให้ สี จิ้นผิง บริหารประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
“ความสัมพันธ์ของโลกตะวันตกทำให้ผมเป็นห่วงมากกว่าภาวะถดถอยแบบอ่อน ๆ หรืออาจจะถดถอยแรงขึ้นด้วยซ้ำไป” ผู้บริหารเจพี มอร์แกน กล่าว
ความสัมพันธ์ร้าวฉานและผลร้ายที่เกิดตามมา ตั้งแต่ความมั่นคงของชาติ พลังงาน และความมั่นคงอาหารเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันบนเวทีนี้
ไดมอนและสตีเฟน ชวาร์ซมัน ซีอีโอของ Blackstone Group (BX) มองตรงกันว่า ผลจากการโดดเดี่ยวในช่วงการระบาดส่งผลต่อการสื่อสารระหว่างคนและความสามารถในการเรียนรู้จากผู้อื่น สุดท้ายทำให้โลกลดการพึ่งพากัน
ด้านเรย์ ดาลิโอ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งกองทุนป้องกันความเสี่ยง Bridgewater กล่าวว่า ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดสงครามนานาชาติมีอยู่จริง ดังนั้น จำเป็นจะต้องยึดถือทางสายกลางทางการเมืองและเข้มแข็งมากกว่าการเมืองแบบสุดโต่ง
อย่างไรก็ตาม ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับซาอุดีอาระเบีย ที่อาจดูจะหมางเมินกัน กรณีที่กลุ่มโอเปกพลัส ปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง นายไดมอนมองว่า ถึงอย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด เชื่อมั่นว่าจะยังแข็งแกร่งต่อไป
“ซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐเป็นพันธมิตรกันมานาน 75 ปีแล้ว ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่า มีด้วยหรือที่พันธมิตรจะต้องเห็นตรงกันไปหมดทุกสิ่ง และไม่เคยมีปัญหากัน ถึงอย่างไรทั้งสองประเทศจะฝ่าฟันไปได้และเป็นพันธมิตรกันต่อไป” นายไดมอนกล่าว
ภาวะผู้นำสหรัฐหายไป
ดิมอนชี้ต้นตอปัญหาต่าง ๆ ว่าเกิดจากการขาดภาวะผู้นำของชาวอเมริกัน หากชาวอเมริกันไร้ภาวะผู้นำ ก็จะเกิดความโกลาหลเหมือนในยูเครน
ไดมอนมองว่าธุรกิจสหรัฐและผู้บริโภคยังใช้จ่ายเงินได้ในปัจจุบัน แต่กลางปีหน้าชาวอเมริกันจะไม่เหลือเงินจับจ่ายสิ่งของส่วนเกินที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้ก่อน
เดวิด โซโลมอน ซีอีโอ Goldman Sachs (GS) คิดเช่นเดียวกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอย เห็นได้จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับอัตราดอกเบี้ย สะท้อนว่าตกอยู่ในภาวะเงินเฟ้อ และคงจะหนีไม่พ้นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และเห็นว่าเศรฐกิจยุโรปก็อาจจะถดถอยแล้วเช่นกัน
แก้ไขสื่อสังคมออนไลน์
ชวาร์ซแมนย้ำถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและ “ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” ว่าเป็นความท้าทายหลักที่ธุรกิจต้องเผชิญ
สิ่งหนึ่งที่แทบจะมองข้ามไปคือ การที่รัฐบาลพยายามอย่างหนักเพื่อขับเคลื่อนโลกแห่งโซเชียลมีเดียและใช้นวัตกรรมทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น แต่กลับมีคนไม่กี่หยิบมือที่บ่อนทำลายสิ่งที่ชาวโลกร่วมกันสร้างขึ้นมา
ไดมอนเห็นว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียควรได้รับการพิสูจน์ตัวตนในลักษณะเดียวกับที่ผู้คนต้องการการตรวจสอบ เพื่อเข้าถึงระบบธนาคาร ซึ่งจะช่วย “กำจัดบอต“
ขณะที่โซเชียลมีเดียควรมี “เมนูทางเลือก” สำหรับอัลกอริทึมอธิบายแต่ละเมนูว่าทำงานอย่างไร แต่ไดมอนไม่ได้อธิบายรายละเอียด
แม้โซเชียลมีเดียมีข้อเสีย หรือการเมืองและเศรษฐกิจมีความแตกแยก แต่ผู้ร่วมอภิปรายยังเห็นแง่ดีของพลังแห่งนวัตกรรมที่ช่วยให้โลกน่าอยู่
โซโลมอนกล่าวว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การคำนวณควอนตัม ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์ และความก้าวหน้าในการศึกษา และการดูแลสุขภาพ ล้วนทรงพลังอย่างยิ่งและมีศักยภาพในการยกระดับขึ้นไปอีก