ซีอีโอ เจพีมอร์แกน เตือนเรื่องที่น่าวิตกยิ่งกว่า เศรษฐกิจถดถอย

The Future Investment Initiative (FII) conference at he Ritz Carlton Hotel, Riyadh, Saudi Arabia, October 25, 2022. REUTERS/Ahmed Yosri

เศรษฐกิจถดถอยอาจน่าห่วง เพราะเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ ซีอีโอ เจพีมอร์แกน เตือนว่า ภูมิรัฐศาสตร์ หรือ geopolitics เป็นเรื่องที่น่ากังวลยิ่งกว่า

วันที่ 26 ตุลาคม 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เจมี ไดมอน ซีอีโอ JPMorgan Chase (JPM) นักธุรกิจชั้นนำในวอลล์ สตรีตคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ยังมีเรื่องน่ากังวลใจกว่า นั่นคือเรื่องภูมิรัฐศาสตร์โลก

(ภูมิรัฐศาสตร์-ผลกระทบทางภูมิศาสตร์ที่มีต่อการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ)

ไดมอนกล่าวบนเวทีริเริ่มการลงทุน Future Investment Initiative เป็นการประชุมด้านเศรษฐกิจเวทีใหญ่ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ฉายา “ดาวอสแห่งทะเลทราย” ว่าภูมิรัฐศาสตร์โลกเป็นเรื่องน่าวิตกมากกว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในสหรัฐอเมริกา

“มีเรื่องมากมายที่ใกล้จะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ดีเลย และอาจไม่จำเป็นเลย แต่จะผลักให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย”

เจมี ไดมอน ซีอีโอ เจพี มอร์แกน

“ภาวะถดถอยไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดที่เราคิด เพราะเราจัดการได้ แต่ที่ผมวิตกมากคือภูมิรัฐศาสตร์ของโลกวันนี้” ไดมอนกล่าวบนเวทีเสวนากับ ริชาร์ด เควสต์ ผู้ดำเนินรายการจากซีเอ็นเอ็น

ภูมิรัฐศาสตร์ดังกล่าวคือ สงครามที่รัสเซียบุกยูเครน และความสัมพันธ์ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเพิ่งจะขยายอำนาจให้ สี จิ้นผิง บริหารประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก

“ความสัมพันธ์ของโลกตะวันตกทำให้ผมเป็นห่วงมากกว่าภาวะถดถอยแบบอ่อน ๆ หรืออาจจะถดถอยแรงขึ้นด้วยซ้ำไป” ผู้บริหารเจพี มอร์แกน กล่าว

ความสัมพันธ์ร้าวฉานและผลร้ายที่เกิดตามมา ตั้งแต่ความมั่นคงของชาติ  พลังงาน และความมั่นคงอาหารเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันบนเวทีนี้

Participants attend the Future Investment Initiative (FII) conference in Riyadh, Saudi Arabia, October 25, 2022 REUTERS/Ahmed Yosri

ไดมอนและสตีเฟน ชวาร์ซมัน ซีอีโอของ Blackstone Group (BX) มองตรงกันว่า ผลจากการโดดเดี่ยวในช่วงการระบาดส่งผลต่อการสื่อสารระหว่างคนและความสามารถในการเรียนรู้จากผู้อื่น สุดท้ายทำให้โลกลดการพึ่งพากัน

ด้านเรย์ ดาลิโอ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งกองทุนป้องกันความเสี่ยง Bridgewater กล่าวว่า ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดสงครามนานาชาติมีอยู่จริง ดังนั้น จำเป็นจะต้องยึดถือทางสายกลางทางการเมืองและเข้มแข็งมากกว่าการเมืองแบบสุดโต่ง

อย่างไรก็ตาม ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับซาอุดีอาระเบีย ที่อาจดูจะหมางเมินกัน กรณีที่กลุ่มโอเปกพลัส ปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง นายไดมอนมองว่า ถึงอย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด เชื่อมั่นว่าจะยังแข็งแกร่งต่อไป

“ซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐเป็นพันธมิตรกันมานาน 75 ปีแล้ว ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่า มีด้วยหรือที่พันธมิตรจะต้องเห็นตรงกันไปหมดทุกสิ่ง และไม่เคยมีปัญหากัน ถึงอย่างไรทั้งสองประเทศจะฝ่าฟันไปได้และเป็นพันธมิตรกันต่อไป” นายไดมอนกล่าว

มกุฎราชกุมารซาอุฯ
นายไบเดน พบ มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ที่เจดดาห์ เมื่อ 15 ก.ค. 2022 (Bandar Aljaloud/Saudi Royal Palace via AP)

ภาวะผู้นำสหรัฐหายไป

ดิมอนชี้ต้นตอปัญหาต่าง ๆ ว่าเกิดจากการขาดภาวะผู้นำของชาวอเมริกัน หากชาวอเมริกันไร้ภาวะผู้นำ ก็จะเกิดความโกลาหลเหมือนในยูเครน

ไดมอนมองว่าธุรกิจสหรัฐและผู้บริโภคยังใช้จ่ายเงินได้ในปัจจุบัน แต่กลางปีหน้าชาวอเมริกันจะไม่เหลือเงินจับจ่ายสิ่งของส่วนเกินที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้ก่อน

เดวิด โซโลมอน ซีอีโอ Goldman Sachs (GS) คิดเช่นเดียวกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอย เห็นได้จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับอัตราดอกเบี้ย สะท้อนว่าตกอยู่ในภาวะเงินเฟ้อ และคงจะหนีไม่พ้นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และเห็นว่าเศรฐกิจยุโรปก็อาจจะถดถอยแล้วเช่นกัน

สหรัฐ Recession

แก้ไขสื่อสังคมออนไลน์

ชวาร์ซแมนย้ำถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าเป็นความท้าทายหลักที่ธุรกิจต้องเผชิญ

สิ่งหนึ่งที่แทบจะมองข้ามไปคือ การที่รัฐบาลพยายามอย่างหนักเพื่อขับเคลื่อนโลกแห่งโซเชียลมีเดียและใช้นวัตกรรมทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น แต่กลับมีคนไม่กี่หยิบมือที่บ่อนทำลายสิ่งที่ชาวโลกร่วมกันสร้างขึ้นมา 

ไดมอนเห็นว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียควรได้รับการพิสูจน์ตัวตนในลักษณะเดียวกับที่ผู้คนต้องการการตรวจสอบ เพื่อเข้าถึงระบบธนาคาร ซึ่งจะช่วยกำจัดบอต

ขณะที่โซเชียลมีเดียควรมีเมนูทางเลือกสำหรับอัลกอริทึมอธิบายแต่ละเมนูว่าทำงานอย่างไร แต่ไดมอนไม่ได้อธิบายรายละเอียด

แม้โซเชียลมีเดียมีข้อเสีย หรือการเมืองและเศรษฐกิจมีความแตกแยก แต่ผู้ร่วมอภิปรายยังเห็นแง่ดีของพลังแห่งนวัตกรรมที่ช่วยให้โลกน่าอยู่

โซโลมอนกล่าวว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การคำนวณควอนตัม ไปจนถึงปัญญาประดิษฐ์ และความก้าวหน้าในการศึกษา และการดูแลสุขภาพ ล้วนทรงพลังอย่างยิ่งและมีศักยภาพในการยกระดับขึ้นไปอีก