Walt Disney เริ่มเดินเครื่องแผนปลดพนักงาน 7,000 คน แบ่งปลดพนักงาน 3 ระลอก เริ่มปลดระลอกแรกสัปดาห์นี้
วันที่ 28 มีนาคม 2566 หลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วอลต์ ดิสนีย์ (Walt Disney) ประกาศแผนการลดต้นทุนบริษัท ผ่านการปรับโครงสร้างองค์กร และปลดพนักงานบางส่วนออก หลังจำนวนสมาชิก Disney+ ลดลงกว่า 2.4 ล้านราย ทำให้สูญเสียรายได้ในธุรกิจสตรีมมิ่งกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ล่าสุด ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า บ๊อบ ไอเกอร์ (Bob Iger) ซีอีโอของ วอลต์ ดิสนีย์ ระบุว่า บริษัทจะเริ่มเลิกจ้างพนักงานรอบแรกตั้งแต่สัปดาห์นี้ โดยจะมีการแจ้งพนักงานที่ถูกปลดออกให้ทราบต่อไป และจะมีการปลดพนักงานอีก 2 ระลอก ในเดือนเมษายน และก่อนเริ่มฤดูร้อนของท้องถิ่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปลดพนักงาน 7,000 คน
ความตอนหนึ่งที่ระบุผ่านจดหมายซีอีโอถึงพนักงานของ Walt Disney ระบุว่า การที่เพื่อนร่วมงานและเพื่อนหลายคนต้องออกจาก Disney ไม่ใช่เรื่องที่เราสามารถมองข้ามได้ พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราต้องทำสิ่งที่จำเป็นเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าดิสนีย์สามารถมอบความบันเทิงชั้นยอดให้กับผู้ชมและลูกค้าทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
สำหรับการปลดพนักงานตามแผนการลดต้นทุนครั้งนี้ จะปลดจำนวน 7,000 คน หรือคิดเป็น 3% จากจำนวนพนักงานทั้งหมดทั่วโลก โดยข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ระบุไว้ว่า พนักงานของ Disney มีถึงประมาณ 220,000 คนทั่วโลก ในจำนวนดังกล่าว เป็นพนักงานในสหรัฐอเมริกาถึง 166,000 คน
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในเดือนพฤศจิกายน 2563 วอลต์ ดิสนีย์ ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 32,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่ทำงานในสวนสนุก
นอกจากการปลดพนักงานแล้ว วอลต์ ดิสนีย์ ปรับโครงสร้างองค์กร แบ่งเป็น 3 หน่วยคือ หน่วยธุรกิจบันเทิง (ภาพยนตร์ โทรทัศน์ และสตรีมมิ่ง) หน่วยธุรกิจ ESPN (คอนเทนต์กีฬา) และหน่วยธุรกิจสวนสนุกดิสนีย์ และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
โดยการปรับโครงสร้างองค์กรและการปลดพนักงานในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายลงให้ได้ 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ธุรกิจสตรีมมิ่งมีกำไร
