ดิสนีย์ปรับโครงสร้าง-เลิกจ้าง 7,000 คน เซ่นพิษสมาชิก Disney+ ลด

ดิสนีย์เลิกจ้าง
REUTERS/ Brendan McDermid/File Photo

บริษัท วอลต์ ดิสนีย์ ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมบันเทิงโลกประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ปลดพนักงาน 7,000 คน ตามแผนการลดต้นทุน 5,500 ล้านดอลลาร์ และทำให้ธุรกิจสตรีมมิ่งมีกำไร หลังโดนผู้ถือหุ้นติงว่าธุรกิจสตรีมมิ่งใช้เงินมากเกินไป และสมาชิกลดลง 2.4 ล้านราย ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักข่าว Reuters รายงานว่า บริษัท วอลต์ ดิสนีย์ (Walt Disney Company) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปีงบฯ 2023 (ตุลาคม-ธันวาคม 2565) และประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ภายใต้การนำทัพของ บ็อบ ไอเกอร์ (Bob Iger) ซีอีโอคนดังที่เคยออกจากบริษัทแล้วหวนคืนตำแหน่งเมื่อเร็ว ๆ โดยจะปลดพนักงาน 7,000 ตำแหน่ง คิดเป็นประมาณ 3.6% ของจำนวนพนักงานรวมทั่วโลกของดิสนีย์ 

การปรับโครงสร้าง ลดจำนวนพนักงานของดิสนีย์ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายลงให้ได้ 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ธุรกิจสตรีมมิ่งมีกำไร หลังจากก่อนหน้านี้ดิสนีย์โดนนักลงทุนวิจารณ์ว่าใช้เงินลงทุนในธุรกิจสตรีมมิ่งมากเกินไป 

การปลดพนักงานเป็นการตอบสนองต่อการเติบโตของจำนวนสมาชิกที่ชะลอตัวลงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจสตรีมมิ่ง ซึ่งดิสนีย์รายงานว่า จำนวนสมาชิก Disney+ ลดลง 2.4 ล้านราย ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ (ตุลาคม-ธันวาคม 2565) ทำให้ดิสนีย์สูญเสียรายได้กว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ และนี่นับเป็นการสูญเสียสมาชิกครั้งแรกของ Disney+ นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2562 

สำหรับไตรมาสแรกปีงบการเงิน 2566 ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ดิสนีย์มีกำไรสุทธิ (net income) อยู่ที่ 1,279 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนรายได้อยู่ที่ 23,512 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่ Wall Street ประมาณการไว้ที่ 23,400 ล้านดอลลาร์

ภายใต้แผนการลดต้นทุนและคืนอำนาจการตัดสินใจให้กับผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ ดิสนีย์จะปรับโครงสร้างบริษัทเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย หน่วยธุรกิจบันเทิงที่ครอบคลุมทั้งภาพยนตร์ โทรทัศน์ และสตรีมมิ่ง หน่วยธุรกิจ ESPN ที่เน้นกีฬา และหน่วยธุรกิจสวนสนุกดิสนีย์ และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ 

บ็อบ ไอเกอร์/ REUTERS/ Phil McCarten/ File Photo


บ็อบ ไอเกอร์ ซีอีโอดิสนีย์ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้จะส่งผลให้ใช้ต้นทุนได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น การดำเนินงานของบริษัทมีการประสานงานกันมากขึ้น 

“เรามุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย”

ไอเกอร์บอกว่า ธุรกิจสตรีมมิ่งยังคงมีความสำคัญสูงสุดของดิสนีย์ และเขากล่าวว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับแบรนด์หลักและแฟรนไชส์มากขึ้น และจะจัดการเนื้อหาบันเทิงอย่างจริงจัง 

ไอเกอร์บอกอีกว่า จะขอให้คณะกรรมการของบริษัทจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นภายในสิ้นปีนี้ ด้านคริสทีน แม็คคาร์ธีย์ (Christine McCarthy) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของดิสนีย์ กล่าวว่า การจ่ายเงินปันผลครั้งแรกน่าจะเป็นจำนวนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดโควิด-19 โดยมีแผนจะเพิ่มขึ้นในอนาคต 

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างบริษัทครั้งนี้เป็นการปรับโครงสร้างครั้งที่ 3 ในรอบ 5 ปีของดิสนีย์ โดยก่อนหน้านี้ในปี 2561 ดิสนีย์ปรับโครงสร้างบริษัทใหม่เพื่อเร่งการเติบโตของธุรกิจสตรีมมิ่ง และอีกครั้งในปี 2563 เพื่อกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจสตรีมมิ่งเช่นกัน 

ส่วนครั้งล่าสุดที่ดิสนีย์ลดพนักงานคือในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยประกาศเลิกจ้างพนักงาน 32,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่ทำงานในสวนสนุก