เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) สร้างความน่าผิดหวังต่อหลายๆ ฝ่ายในคองเกรสอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่รัสเซียถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงเลือกตั้งของสหรัฐฯ ครั้งที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า สมาชิกสภาคองเกรสหลายคนตำหนิผลงานของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า “อ่อนแอเกินไป” ไม่กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์และเข้าประเด็นการพูดคุยกับผู้นำรัสเซียในเรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นระดับชาติที่จำเป็นต้องหารือในทริปการพบกันครั้งนี้
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
ขณะที่ ผู้นำทรัมป์ กล่าวว่า ตนไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ มากกว่าคำยืนยันของประธานาธิบดีปูตินว่ารัสเซียไม่เคยก้าวก่ายการเลือกตั้งของสหรัฐฯ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศและสมาชิกสภาคองเกรสจากทั้งสองฝ่ายเดโมแครตและริพับลิกัน ได้กล่าวเตือน ทรัมป์ ระบุว่า การกระทำของทรัมป์กำลังเป็นปฏิปักษ์กับตะวันตก ด้วยการยกย่องให้รัสเซียมีอิทธิพลมากขึ้นบนเวทีโลกแทนที่จะกล่าวตำหนิ และประกาศมาตรการคว่ำบาตรให้รุนแรงขึ้น โทษฐานความผิดที่แทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศของตน
ขณะที่ รอยเตอร์ส รายงานถึงคำกล่าวของ นายแพต ทูมีย์ ส.ว.รีพับลิกัน ที่แสดงความคิดเห็นเมื่อวานนี้ว่า หากประธานาธิบดีปูติน ไม่ช่วยสหรัฐฯ เอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็นกับการเจาะข้อมูลของพรรคเดโมแครต สหรัฐฯ ก็ควรใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียที่รุนแรงขึ้น ไม่ใช่การผูกมิตรฉันท์ “เพื่อน” อย่างที่ทรัมป์ได้กระทำ
