สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า “อาลีบาบา” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนประกาศเพิ่มการจ้างงานอีก 5,000 ตำแหน่งในแผนกคลาวด์คอมพิวติ้ง นับจากนี้จนถึงสิ้นปี 2020 เพื่อรองรับความต้องการใช้งานสตรีมมิ่ง วิดีโอคอล และระบบจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
โดยอาลีบาบาระบุว่า ตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้นจะอยู่ในส่วนงานด้านคลาวด์เซอร์ววิส ทั้งส่วนของเครือข่าย ฐานข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ ชิป และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) โดยนายเจฟฟ์ จาง ประธานฝ่าย Alibaba Cloud Intelligence ระบุในแถลงการณ์ว่า การจ้างงานครั้งนี้จะทำให้ความเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลสำหรับภาคธุรกิจในประเทศจีน ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าจะใช้เวลาราว 3-5 ปี อาจจะถูกเร่งให้เสร็จสมบูรณ์ได้ภายใน 1 ปีข้างหน้านี้
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
การเพิ่มการจ้างงานของอาลีบาบาครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ประกาศว่าจะใช้งบลงทุนถึง 2 แสนล้านหยวน (ราว 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติม โดยอาลีบาบาได้เพิ่มงบพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์ถึง 40,000 ล้านหยวน (5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีงบประมาณ 2020 เพิ่มขึ้น 62% จากปี 2019
แม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดจะส่งผลให้หลายธุรกิจจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงาน แต่ก็ยังมีหลายบริษัทที่ได้รับอานิสงส์จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงนี้ อย่างกลุ่มเชนร้านค้าปลีก Kroger, Dollar General และ Aldi ที่ประกาศเพิ่มการจ้างงาน รวมถึง Raytheon บริษัทผู้ผลิตอาวุธและเทคโนโลยี, GlaxoSmithKline บริษัทผลิตยารักษาโรค และบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่าง PayPal, Epic Games และ Riot Games ก็มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง “ไมโครซอฟต์” ก็เพิ่มการจ้างงานหลายร้อยตำแหน่งในส่วน Azure cloud service ของตนเอง ส่วน “อะเมซอน” ก็เพิ่มตำแหน่งงานกว่า 1,000 ตำแหน่งในส่วนเทคโนโลยีคลาวด์ และ “กูเกิล” ก็เพิ่มงานหลายร้อยตำแหน่งเช่นกัน
