“ไนกี้” ยอดขายออนไลน์โต 82% ลุยยกเลิก 9 สัญญาเช่าพื้นที่ห้างค้าปลีก

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า “ไนกี้” (Nike) แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่ระดับโลก หลังประสบภาวะขาดทุนไตรมาสที่ผ่านมา ได้แจ้งผลประกอบการช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค.2020 ยอดขายไนกี้จากช่องทางออนไลน์มีการเติบโตสูงถึง 82% กลายเป็นทิศทางใหม่ของไนกี้

บริษัทให้บริการด้านการเงินระดับโลก “Refinitiv” ระบุว่ายอดขายออนไลน์ที่แข็งแกร่งของไนกี้มาจากกำลังซื้อของนักช้อปชาวจีน และกลุ่มนักเรียนที่กลับไปโรงเรียน

รายงานข่าวระบุว่า จากการที่ห้างสรรพสินค้าต่างๆ อย่าง J.C. Penney ปิดให้บริการ เนื่องจากได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) ขณะที่ผู้บริโภคหันมาใช้บริการอีคอมเมิร์ซ เพื่อซื้อสินค้าของ Nike มากขึ้น ทำให้ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของ Nike เติบโตอย่างมาก

ทั้งนี้ก่อนที่จะเกิดวิกฤตโควิด-19 Nike ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ ผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซให้ถึง 30% ของรายได้ทั้งหมดภายในปี 2023 และขณะนี้ยอดขายทางออนไลน์ของไนกี้อยู่ที่เกือบ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมดแล้ว

Christopher Svezia นักวิเคราะห์ของ Wedbush กล่าวว่า ยอดขายรองเท้าและเครื่องแต่งกายกีฬาทั่วโลกของ Nike จะฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาเหนือ และจะเติบโตมากยิ่งขึ้น เนื่องจากกลุ่มนักเรียนกลับไปเรียนอีกครั้ง

นอกจากนั้น Refinitiv คาดการณ์ว่าไนกี้จะสามารถทำกำไรสุทธิ 729 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด (มิ.ย.-ส.ค.) จากที่ไตรมาสก่อนหน้าขาดทุนสุทธิ 790 ล้านดอลลาร์

ขณะที่เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ไนกี้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ จะปรับลดพนักงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย และเน้นการลงทุนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น รวมถึงจะยกเลิกสัญญากับผู้ค้าปลีกหลัก 9 ราย และดีลกับห้างสรรพสินค้า Dillard’s และ Zappos ของ amazon.com นอกจากนี้เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ไนกี้ได้ะงับแผนการที่จะเปิดโรงงานผลิตรองเท้าในรัฐแอริโซนาด้วย