WHO หวั่น ประชากรครึ่งหนึ่งในยุโรปติดโอมิครอน เศรษฐกิจโลกเสี่ยง

ประชากรเกินครึ่งในยุโรปจ่อติดโควิด

ประชากรครึ่งหนึ่งในยุโรปจ่อติดโอมิครอน ขณะที่เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยง

วันที่ 12 มกราคม 2565 แชนแนลนิวส์เอเชียรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งในยุโรปมีแนวโน้มติดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ภายในเดือนมีนาคม ขณะที่ธนาคารโลกเตือนว่าสายพันธุ์ที่มีการติดต่อได้ง่ายอาจขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ผู้คนนับล้านในจีนอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังจาก 2 ปีก่อนหน้านี้ ทางการจีนรายงานการเสียชีวิตรายแรก ซึ่งมีการยืนยันในภายหลังว่าเป็นการเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา

สายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่เชื้อได้ในระดับสูงได้แพร่ระบาดไปทั่วในหลายประเทศ ทำให้รัฐบาลต่าง ๆ ต้องบังคับใช้มาตรการใหม่ ๆ และเดินหน้าฉีดวัคซีนเข็ม 3

แต่ WHO เตือนเมื่อวันอังคารว่า การใช้วัคซีนกระตุ้นชนิดเดียวกับวัคซีนเดิมนั้น ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่ใช้ได้ผลกับการต่อสู้โควิดสายพันธุ์ใหม่ ๆ ทั้งยังเรียกร้องให้มีวัคซีนชนิดใหม่ ที่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ดีกว่า

คณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนของ WHO กล่าวว่า ยุทธศาสตร์การฉีดวัคซีนโดยใช้วัคซีนเข็ม 3 เป็นชนิดเดียวกับวัคซีนชนิดเดิม ไม่น่าจะเป็นยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมหรือยั่งยืน

ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อเกือบ 8 ล้านคนในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ขณะนี้ยุโรปกำลังเผชิญสถานการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก ตามรายงานของเอเอฟพี

ยูโรปกำลังเป็นศูนย์กลางการระบาดใหม่ และ WHO เตือนว่า โอมิครอนอาจแพร่เชื้อสู่ประชากรครึ่งหนึ่งในภูมิภาคนี้ หากพิจารณาจากอัตราการระบาดในปัจจุบัน

คลื่นยักษ์ถล่มยุโรป

“ฮานส์ คลุกย์” ผู้อำนวยการยุโรปของ WHO อธิบายว่า คลื่นยักษ์ลูกใหม่กำลังแผ่ขยายไปทั่วภูมิภาคนี้

“สถาบันเพื่อการวัดและประเมินผลด้านสุขภาพ (IHME) คาดการณ์ว่าประชากรมากกว่า 50% ในยุโรป จะติดเชื้อโอมิครอนในอีก 6-8 สัปดาห์ข้างหน้า” เขากล่าวเสริม

ภูมิภาคยุโรปของ WHO ครอบคลุม 53 ประเทศ และเขตแดน ซึ่งรวมถึงหลายประเทศในเอเชียกลาง

คลุกย์ย้ำด้วยว่า “วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติยังคงให้การป้องกันที่ดีกับโรครุนแรงและการเสียชีวิต ซึ่งรวมถึงจากโอมิครอนด้วย”

สำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) ระบุว่า การแพร่เชื้อของโอมิครอนทำให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นที่มนุษย์สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยได้ แม้ว่าจะยังคงระบาดอยู่ในตอนนี้ก็ตาม

แผลเป็นในด้านการพัฒนา

ขณะเดียวกันธนาคารโลกคาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัวลงในปี 2565 เนื่องจากโอมิครอนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนในภาคแรงงานและซัพพลายเชน

ในรายงานล่าสุดของโกลบอล อิโคโนมิก พรอสเพกต์ หรือ จีอีพี ได้มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เหลือ 4.1% หลังจากที่ฟื้นตัวขึ้นมา 5.5% เมื่อปีที่แล้ว

“เดวิด มัลพาสส์” ประธานธนาคารโลก กล่าวว่า การระบาดอาจทิ้ง “แผลเป็นถาวรในด้านการพัฒนา” เนื่องจากตัวชี้วัดความยากจน โภชนาการ และสุขภาพ กำลังเคลื่อนไปสู่ทิศทางที่ผิด

คำเตือนนี้มีขึ้นหลังครบ 2 ปี ที่มีการประกาศผู้เสียชีวิตรายแรกจากโควิด ซึ่งเป็นชายอายุ 61 ปี ในเมืองอู่ฮั่นของจีน ซึ่งเป็นจุดที่ตรวจพบผู้ป่วยครั้งแรก

ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2562 จำนวนผู้เสียชีวิตจากการระบาดของโควิดเพิ่มขึ้นเกือบ 5.5 ล้านคน

จีนควบคุมการแพร่ระบาดในช่วงเริ่มต้นด้วยการล็อกดาวน์ ปิดพรมแดน และปูพรมหาผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม การระบาดได้ปะทุขึ้นอีกครั้งในเมืองใหญ่บางแห่ง ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าการจัดโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง ขณะที่ทางการจีนกำลังใช้กลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์

เมืองอันหยางในมณฑลเหอหนาน ประกาศเมื่อคืนวันจันทร์ ห้ามประชาชน 5 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในเมือง ออกจากบ้าน หรือขับรถบนถนน ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน

เมืองยูซุและซีอานก็กำลังปิดเมืองอย่างเข้มงวด

ส่วนฮ่องกง ซึ่งมีการจำกัดการเข้าพรมแดนอย่างเข้มงวดที่สุดในโลก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้ปิดโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมศึกษาไปจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อรับมือกับการระบาดของโอมิครอน

ขณะที่ญี่ปุ่นได้ต่อเวลานโยบายปิดพรมแดนไปจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ สกัดไม่ให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ

ปัญหาเรื่องการเข้าถึงวัคซีน

เวทีการประชุมและเสวนาเศรษฐกิจระดับโลก เวิลด์ อีคอโนมิก ฟอรัม (WWE) เตือนว่า การเข้าถึงวัคซีนที่ไม่เท่าเทียมอาจสร้างความไม่พอใจจนกลายเป็นอุปสรรคในการบรรลุข้อตกลงในประเด็นระดับโลกอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“การระบาดของโควิดในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ มากกว่าในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนในระดับสูง ส่งผลต่อความพร้อมของแรงงานและประสิทธิภาพในการทำงาน ขัดขวางห่วงโซ่อุปทาน และทำให้การบริโภคลดลง” WWE ระบุ