สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประเทศจีนเผยแผนการก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากนานาชาติสำหรับความคิดสร้างกองทัพทหารเอไอของจีน โดยนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน “หลี่ เค่อเฉียง” ระบุในรายงานประจำปีว่ากลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีนี้เป็นเป้าหมายที่จีนให้ความสำคัญ
ด้านที่ปรึกษารัฐบาลได้ประเมินมูลค่าในการเป็นผู้นำประเทศอุตสาหกรรมเอไอจะส่งผลให้จีนได้รับประโยชน์กว่า 1.5 แสนล้านหยวนหรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2020 และจะเพิ่มสูงเป็น 4 แสนล้านหยวนหรือประมาณ 5.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2025
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขายมิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
“สถานการณ์ความสัมพันธ์ของจีนในเรื่องความปลอดภัยในระดับชาติกับเรื่องการแข่งขันในเวทีนานาชาติมันยังซับซ้อนอยู่ เราต้องเริ่มอย่างจริงจังตั้งแต่ขั้นแรก คว้าโอกาสการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และผลักดันการขับเคลื่อนเชิงแข่งขันใหม่ๆ”
แผนการของจีนดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่สหรัฐฯ กำลังจับตาตรวจสอบสถานการณ์และแนวโน้มการลงทุนเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์อย่างละเอียด ซึ่งหลายประเทศยังคงกังวลและไม่มั่นใจต่อความสำคัญที่จีนจะสร้างกองทัพทหารปัญญาประดิษฐ์ โดยโครงการนี้ยังคงตามหลังแนวคิดการพัฒนาเอไอที่สหรัฐฯ ได้ปล่อยออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน
ทั้งนี้ยังมีการรายงานอีกว่า จีนตั้งเป้าให้ทันกับการขึ้นเป็นผู้นำโลก แต่ยังคงมีปัญหาภายในประเทศ อาทิ การขาดแคลนอุปกรณ์และชิปคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนด์ เรื่องซอฟแวร์และการพัฒนาพนักงาน
โดยภาพรวมของโครงการนี้จะเชื่อมโยงบริษัทเอกชนกับการวิจัยสภาพร่างกายทหาร เพื่อร่วมกันพัฒนาส่งเสริมการสร้างปัญญาประดิษฐ์ นอกจากนี้รัฐบาลจะเพิ่มบทบาทในการชี้แนะแนวทางการพัฒนาเอไอผ่านการสนับสนุนด้านนโยบายและกฏระเบียบ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสามารถควบคุมระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามจีนได้เริ่มลงทุนด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างมาก โดยรัฐบาลและเอกชนได้ร่วมกันจัดตั้งศูนย์การวิจัยที่สหรัฐฯ เช่น บริษัทเสิร์ชเอนจิ้นอันดับหนึ่งของจีนอย่าง Baidu Inc และบริษัทสื่อเทคโนโลยีอย่าง Tencent Holdings Ltd .
